วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แต่ง

คำโบราณบอกคนงามเพราะแต่ง
เกาหลีแหล่งคนงามโด่งดังเหลือ
ศัลยกรรมเปลี่ยนให้ได้ทุกเมื่อ
จากก้อนเกลือสู่เพรชงามตระการ

ใครอยากแก่ทรุดโทรมหรือก็เชิญ
หรือจะเพลินหนังหน้าตามสังขาร
ดูเฉิ่มเฉิ่มจุดเริ่มการปีนสู่คาน
สวยสคราญอนาคตไม่จบเอย

วางอดีต

ปล่อยไปเรื่อยเอื่อยเฉื่อยก็เปลี่ยนแปลง
ผลาญร้อนแรงก็ใช้จะหยุดได้
ให้เวลาพาผันผ่านกันไป
เพราะยังไงถ้ารักกลับมาเอง

คนมันทิ้งลั้งไว้ใช่จะอยู่
กลับมองดูใครกันที่ข่มเหง
เขาอาจใช่แต่ส่วนใหญ่ตัวเราเอง
ที่บรรเลงบทโศกโศกากรรม

โปรดจงรักตัวเรามากเข้าไว้
ทิ้งมันไปใช้วายแล้วนึกขำ
สร้างเราให้แกร่งกว่า(ที่เขาทำ/ไอ้ระยำ/แล้วจดจำ)
ทุกสิ่งย้ำคืออดีตประสบการณ์

real

เทียมหรือแท้อยู่ที่ใจใช่ใบหน้า
ตัดแต่งมาเปลี่ยนที่หน้าใช่ใจหนอ
เพื่ออะไรหรือข้างในไม่รู้พอ
อย่าได้ท้อคนงามใจคือเพรชจริง

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อาภร

สุขขีเอย เอื้อนเอ่ย เป็นคำพร
ให้อาภร แห่งรัก ห่มเธอไว้
ในโอกาส วันเกิด เพลินหัวใจ
อยู่ภายใน อ้อมปีก พระเยซู

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เกี่ยว

นาอาจพร้อมเกี่ยวได้ เหลืออร่าม
ความอาจพร้อมเกี่ยวได้ เมื่อคิดถึง
ใจอาจพร้อมเกี่ยวได้ เมื่อตะลึง
ที่มือหนึ่งพร้อมเกี่ยวก้อย ยื่นมือให้มา

to friend

ถ้อยนที่ไหลเรื่อยเอื่อยเวลา
ปราถนาเจอเจอะอีกคราหนึ่ง
เพราะวันเก่าผ่านผันยังตราตรึง
ให้คำนึงถึงเพื่อนเคยร่วมกัน

ต้องตา

อาจต้องตระการตาเพียงแรกเห็น
หัวใจหลุดกระเด็นเพียงเธอผ่าน
บันทึกลึกทรวงในให้เนิ่นนาน
ยากแท้เหลือจะทานมิคิดถึงเธอ

วน

อรุณรักฝากฟากฟ้ามหานที
ห้วงนาทีดั่งเริ่มหลงรักแรก
ย้อนวันคืนหวนเวียนวนมิอาจแตก
หรือจะแยกรักเราใหม่ท้วนกาลนาน

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เท่านั้น

ขอแค่เพียงยินเสียงเธอก็พอ
ไม่ว่าท้อขอเพียงได้ผ่านใกล้
แม้ความฝันนั้นเป็นเรื่องสุดไกล
แต่หัวใจอยากรักเท่านั้นเอง

รอบโลก

เมื่อครบรอบโลกหมุนรอบอาทิตย์
พลันชีวิตครบปีอีกทีหนึ่ง
ขอให้มีความสุขรสหวานซึ้ง
และเข้าถึงพระทัยอีกขวบปี

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วันแก่

โอ้วันเกิดคือวันเพิ่มตัวเลข
ไม่เคยเบรคเวียนมาทุกสุขสันต์
ตอนเด็กเด็กก็ดีอยู่อยากเร่งวัน
พอแก่พลันตารปัดไม่อยากเจอ
เอาเป็นว่าเจอกันก็จงสุข
ให้ความทุกข์ผันผ่านไม่เสนอ
ให้สิ่งดีไหลเข้าทุกวันเจอ
สมใจเธอแล้วกันกับอีกปี

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ให้สม

ให้สมหวังดังตั้งอธิษฐาน
ให้สุขนานหรรษาไม่รู้หาย
ให้นาทีชั่วโมงชื่นฉ่ำกาย
ให้ปวดหายโลกภัยไม่มาเยือน

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อาณาจักรกระจกไร้เงา

กาลครั้งหนึ่งนานแสนนามาแล้ว
มีอาณาจักรที่เต็มไปด้วยแสงสีแห่งหนึ่ง
มีชื่อว่า อาณาจักรกระจกไร้เงา ด้วยว่าอาณาจักรแห่งนี้ต้องสาป
ยังผลให้ แม้ว่าดินแดนนี้เต็มไปด้วยกระจก และของมันเงาหลากหลาย
กลับไร้ซึ่งเงาสะท้อนของสิ่งต่าง ไร้ซึ่งเงาแห่งรูปลักษณ์
จึงทำให้ผู้คนในดิแดนแห่งนี้ไม่อาจรู้จักใบหน้าของตนเองได้เลย
ต้องให้คนอื่นเป็นผู้ตัดสิน ความงามและความสวยหล่อของตนเองแต่เพียงเท่านั้น
และผู้ที่ตัดสินความงามตระการได้มากที่สุดคือ
คณะผู้ปกครองความงามสูงสุดทั้งหก
ซึ่งจะออกประกาศความงามทุกรอบปี
และมี"ผู้ควบคุมความงาม"คอยตัดสิน ซึ่งเป็นคนจากคณะความงามส่งมาประจำแต่ละเมือง
คนในอาณาจักรจะรู้จักความงามที่แท้จริงก็ผ่านการตัดสินของ"ผู้ควบคุมความงาม"เท่านั้น
จึงไม่มีใครรู้จักตัวเองได้นอกจากคำตัดสินของคนเหล่านี้เท่านั้น
ซึ่งในอดีตกาล
ดินแดนแห่งนี้เป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยความงามเนื่องจากมีกระจกอยู่ทุกที่
แต่เพราะคนลุ่มหลงมัวเมาในเรื่องความสวยงามเท่านั้นเป็นเหตุให้เกิดการแบ่งชนชั้น
และการทารุนผู้ที่อ่อนแอ และไร้ความงาม
เกิดการปฏิบัติอย่างอยุติธรรมในอาณาจักรจึงทำให้
ความรัก ความหวัง ความเชื่อ หายไปจากดินแดนแห่งนี้ในที่สุด อาณาจักรจึงต้องสาปมาจนทุกวันนี้
"โดอีท"เด็กชายในตระกูลขี้เหร่ ไม่เคยรู้สึกด้อยค่าในความขี้เหร่ของเขาเลย
ทั้งๆที่ความขี้เหร่เป็นความต่ำต้อยอย่างหนึ่งในสังคม
เนื่องจากในรอบสามปีจะมีหกตระกูลที่ถูกตราว่าเป็นตระกูลที่ขี้เหร่ที่สุด
และตระกูลของเขาดูเหมือนจะได้ฐานะนี้มานานหลายชั่วอายุแล้ว
แต่"โดอีท"ไม่เคยกังวลกับ ความขี้เหร่กับเป็นสิ่งที่มอบการผจญภัยอันท้าทายให้เขาเสมอ
เพราะไม่ว่าเขาจะไปที่แห่งใดก็ไม่มีใครมาหวงห้ามเขา
เพราะคนขี้เหร่เป็นฐานะที่ไม่มีคนคิดจะเกี่ยวข้อง
เหมือนกับว่าจะติดต่อกันได้ซะอย่างงั้น
เลยทำให้"โดอีท"ได้อิสระมากมายอยู่ในเมืองแห่งนี้
ไม่ต้องถูกควบคุมโดย"เจ้าหน้าที่ความงาม"เรื่องกริยาท่าทาง
หรือจิปาทะที่เกี่ยวกับความงาม
ไม่ต้องรักษาอะไรเพราะไม่มีอะไรให้รักษาอีกแล้ว

เกิดแบ่งปัน

วันเกิดเอยเคยเกิดตั้งครั้งหนึ่
ครบรอบถึงอีกปีมีสุขสรรค์
แต่อย่าลืมเป็นคนดีก็แล้วกัน
วันสุขนั้นแบ่งปันความสุขเอย

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รู้บ้างไหม

รู้บ้างไหมว่ามีใครแอบคิดถึง
ณ ที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
คือข้างข้างหัวใจเธอคนดี
ช่วยมองทีอยากส่งรักให้ถึงจัง

ดอกฟ้า

อาจหาญมองดอกฟ้าธิดาเ่ด่น
คงเป็นเช่นภาพฝันวาดด้วยสี
เพียงหยดน้ำสาดพรมไม่เหลือดี
เห็นเพียงสีปะปนคนเศร้าเอย

เงาราง

หลับเล่นเห็นภาพฝันดังฝุ่นจาง
ลางลางดังหมอกพรางมองไม่เห็น
เพราะรอคอยคู่แท้คือประเด็น
แสนลำเค็ญเนิ่นนานเท่าไหร่เจอ

เทียนไข

ต่อทุนสุดเกื้อหนุนหัวใจ
เทียนไขเร้าร้อนใจคงหมด
จงอย่าเร่งร้องรักดังประชด
แต่จงทดถ้อยทีค่อยเวลา

เล่นเสียงแว่ว

เอ้อละเหยลอยเล่น เต้นหัวใจ
คอยลำเลียงเคียงใกล้ ให้ใจแผ่ว
เป็นเสียงหวานปานน้ำตาล เชื่อมแล้ว
ลำนำแซวร้องเต้นเพลงรัก จักกังวาล (เอย)

พอเพียง

พอเพียงกับหัวใจเพียงพอ
คอยรอเพียงแต่ใจโหยหา
จะอยู่แม้สิ้นสูญเวลา
ศรัทธาคงพาเราพบเจอ


sunlight

ทอดทอแสงแห่งแรกรุ่งอรุณ
กลิ่นหอมกรุ่นไอแดดแสดแผดเผา
สายตะวันส่องนำทางสองเรา
ด้วยนำเอาความรักนำก้าวเดิน

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รัก

ทอดถอนในในวันที่เปลี่ยวดาย
เปลือกตาครี่ออก มองเห็นเพดานสีขาวในความอ้างว้างของคนคนหนึ่ง
เสียงนาฬิกาดังเตือนเวลา เจ็ดโมงเช้า
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องกระทบผนัง พยามยามรอดเข้ามาในห้อง
เพื่อสะท้อนเตือนให้รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะหยุดนอนอยู่บนเตียงแล้ว
"วันนี้วันหยุด"
ชายหนุ่มคิดในใจ
มือที่วางอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ตอนนี้ได้เคลื่อนตัวมาบริเวณใบหน้า
ท่อนแขนทาบอยู่บนหน้าผาก
"วันนี้วันหยุด"
ชายหนุ่มมองเพดานสีขาวแล้วคิดกับตัวเอง
เขาจำได้ว่าความรู้สึกเหงาแบบนี้เคยกดทับเขาแล้วหลายครั้ง
บางครั้งทำให้เขาน้ำตานองหน้าอย่างไม่รู้ตัว
"วันนี้วันหยุด"
เขาไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นอีกวันหรือเปล่าที่เขาอยากจะอยู่เฉยๆ
ไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่าการอ่านหนังสือ ดูทีวี ฟังเพลง
อยู่คนเดียวกับวันหยุดเพียงพัง
ไม่มีเรื่องราวใดๆ มาผลักดันให้เขาต้องทำตัวเองให้กลายเป็นเฟืองตัวหนึ่งในสังคม
ที่หมุนไปเรื่อยๆ เหมือนทุกวัน ต้องคิด ต้องทำ ต้องแข่งขัน กับเวลาที่มีอยู่จำกัด
"วันนี้วันหยุด"
แต่มันก็คงดีกว่าการนอนที่นอกจากจะเผาผลาญพลังงานในการฟุ้งซ่าน
และยังผลาญเวลาที่มีอยู่จำกัดนี้ให้หายไปในท่วงทำนองของวินาที
ที่เข็มนาฬิกาวิ่งเป็นจังหวะเพื่อเตือนอยู่บนหัวเตียง
"วันนี้วันหยุด"
ชายหนุ่มใช้เวลาจมอยู่กับความคิดที่วนเวียนอยู่กว่าชั่วโมงแล้ว
เขาไม่อยากลุก มาและ ทำเหมือนเดิมเหมือนทุกวันที่ผ่านมาอีก
กิน อาบน้ำ นั่งเหม่อ ดูทีวี
เขาคิด
เพราะอีกฟากหนึ่งของแผ่นดิน อีกประเทศหนึ่งซึ่งเขาเคยเห็นแต่ในทีวี
ยังคงขาดแคลนสิ่งที่เขาเผาผลาญไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างนี้
"อยู่คนเดียว อยู่ลำพังหว่าเหว้......" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบและกดรับ
"สวัสดีครับแม่"ชายหนุ่มตอบด้วยความเคยชินเพราะเบอร์นี้จำได้ขึ้นใจ
"แกยังไม่ตื่นอีกเหรอ"เสียงในโทรศัพท์ พูดเหมือนจะรู้ว่าตอนนี้เขายังไม่ลุกออกจากเตียง
"มีไรป่าวแม่"ชายหนุ่มถามเพื่อเบี่ยงประเด็นที่จะตอบว่าตัวเองยังไม่ลุกจากที่นอน
".................."เสียงในสายเงียบไปซักพัก
"ลุงนนท์ เสียแล้ว แกกลับบ้านได้ไหม"
เสียงที่ปนคราบน้ำตา และความกดดัน ดังมาอีกหลายละลอก
การสนทนาด้วยความสับสนก้ำกึ่งดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ
ตอนนี้เขาตอบแม่ไปอย่างสั้นๆว่า
"ผมจะโทรไปลางานแ้ล้วรีบกลับบ้านนะแม่"
"แม่ดูแลตัวเองนะ"คำพูดสุท้ายก่อนเขาวางสายคือความเป็นห่วงที่มีอยู่ลึกๆข้างใน
ชายหนุ่มคิดถึง"ลุงนนท์"ผู้ล่วงลับ
ลุงนนท์ คือชายในฝันของเขาเมื่อยามเด็กและในปัจจุบันก็ยังคงมีอิทธิพลต่อชีวิตเขา
เป็นคนที่มักจะยิ้มอยู่เสมอ เป็นพี่ชายของแม่เขา อายุห่างจากแม่ราวสองปี
ไม่ใช่คนที่รวย หรือมีฐานะ เป็นเพียงชาวสวนนักพัฒนาคนหนึ่งแต่ที่อยู่ในหมู่บ้าน
คอยช่วยเหลือให้คำปรึกษากับคนจน เขาเคยเป็นคนที่มีรายได้มากมายในการเป็นทนาย
แต่ก็เลิกอาชีพทนาย กลับมาทำสวนทำไร่ เลี้ยงสัตว์ และเป็นที่ปรึกษาให้กับชาวบ้าน
เป็นคนที่มีเป้าหมายอยู่เสมอ มีแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง และมักจะคอยดูแลครอบครัวของชายหนุ่ม
ให้คำปรึกษาดีดี ตอนเขายังเด็ก คอยปรอบเมื่อเขาร้องให้
และเล่าเรื่องต่างต่างมากมายให้เขาฟัง
และยังมักแบ่งปันผลไม้ และอะไรหลายอย่างให้บ้านเขา ทั้งที่เมื่อเทียบฐานะกันแล้ว
ครอบครัวของชายหนุ่มกลับมีฐานะมากกว่า "ลุงนนท์"ของเขาซะอีก
นี่เป็นเหตุให้พ่อของชายหนุ่มดูถูกในการกระทำว่า"แปลกอยู่ดีไม่ชอบชอบลำบาก"
เขามานึกถึอายุของลุงนนท์ ก็คงราว ห้าสิบต้นๆ
เมื่อประมาณ ต้นปีที่ผ่านมา ลุงนนท์ล้มป่วย ด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษา
เขามักจะกลับไปเยี่ยมลุงทุกเดือน
แทนที่ลุงนนท์จะท้อแท้กลับเล่าเรื่องต่างๆมากมาย
และกลับเป็นคนให้กำลังใจเขาในการทำงาน
เขาเคยไปเฝ้าลุงนนท์อยู่สองครั้ง
ก็ได้เห็นว่าขณะที่ลุงนนท์นอนป่วยอยู่บนเตียงกลับให้คำปรึกษา
และเป็นกำลังใจให้ผู้มาเยี่ยมเยียนมากกว่าการเป็นคนป่วยเสียอีก
มีคนแวะมาหาสม่ำเสมอ ที่โทรศัพท์มาก็มีอยู่บ่อยครั้ง
จนชายหนุ่มยังแปลกใจว่านี่คนป่วยเหรอ
จะมีอยู่อย่างเดียวคือลุงนนท์ต้องนอนอยู่ที่เตียงเท่านั้น
และคอยให้พยาบาลดูแล
ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลย ว่านี่คือคนที่กำลังจะตายจริงหรือ
ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับชีวิต
ทำร้ายผู้อื่น ทารุณกรรม คดโกง
คนเหล่านี้ต่างหากที่สมควรเป็นผู้รับเคราะห์มากกว่าลุงเขาที่ป่วยอยู่ตอนนี้
"ลุงไม่เสียใจเหรอ ที่ลุงเป็นอยางนี้"นี่เป็นคำถามเมื่อสองเืือนก่อนที่เขาถามลุง
"ไม่เลย ลุงว่าเวลาที่เหลือเรายังทำอะไรเพื่อคนอื่นได้อีกเยอะ มากกว่าที่ลุงจะนั่งเสียใจ
คนอีกมากมายขาดโอกาส คนอีกมากมายไม่มีเวลา แต่ลุงยังเหลือ และยังทำได้
ลุงสามารถทำอะไรมากกว่านอนอยู่บนเตียงและเสียใจ ยังมีคนต้องการความช่วยเหลือจากลุง"
"อาบน้ำครับ"เสียงพยาบาลหนุ่มดังขึ้นขัดจังหวะสนทนาของคนทั้งสอง
ลุงเอามือมาแตะบ่าผมพูดว่า"รัก หลานก็ทำเพื่อคนอื่นได้นะลองดูซิ"
ขณะที่ผมต้องออกจากห้องเพราะพยาบาลจะเช็ดตัวให้ลุงผมเห็นพยาบาลอุ้มลุงขึ้น
ร่างกายของลุงดูเล็กมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อน เขาน้ำตาซึม
เหมือนลุงจะเห็นจึงหันมาที่เขาแล้วยิ้มให้พร้อมโบกมือที่ตอนนี้เหลือเพียงแต่หนังหุ้มกระดูก
รอยยิ้มนั้นยังติดตาของชายหนุ่มอยู่จนถึงตอนนี้
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงแล้ว โทรศัพท์ลางานแต่งตัวเตรียมเสื้อผ้าพร้อมทั้งคิดในใจว่า

"เขายังมีชีวิต มีอีกหลายอย่างที่เขายังไม่ได้ทำ เขาเสียเวลากับการคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้
เขายังมีเวลาเหลืออีกเยอะที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เขายังทำเพื่อคนอื่นได้"


น้ำตา

เพราะน้ำตาไม่อาจไหลย้อนกลับได้
จงเสียใจให้กะวันที่ผ่าน
และรู้ว่ามันผ่านไปแล้ว เป็นสัจธรรม
Thirapan Kangwansura
ถ้าเอาหัวทิ่มพื้น อาจจะไหลย้อนกลับได้ :)
Gosintr Lao
คนเรานะ ทั้งที่รู้ว่าการจะทำให้น้ำตาไหลย้อนกลับมัน
ลำบากแค่ไหน ก็ยังพยายาม
เดินปกติ ยืนปกติเหอะ เลิกตีลังกาได้ละ

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บอกวันเิกิด

ยินดีในปรีดาปลื้มปราบ
บรรเลงเพลงร้อยคาบสมุทธสุดหรรษา
เมื่อมาถึงที่บรรจบครบเวลา
จำจิตตั้งใจบอกว่า สุขสันต์วันเกิด เอย

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

สุขก้าวเดิน

สุขสันต์วันคล้ายวันเกิด
กำเนิดสิ่งดีหลั่งไหล
ให้ทั่วถิ่นแคว้นแดนใด
สุขใจในการก้าวเดิน

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ห้ามพายุ

ตะวันบ่ายคล้อยทยอยเย็นย่ำสู่ค่ำรัตติกาล
ลมแผ้วพาลเอากลิ่มสาบไอทะเลที่คละคลุ่งอยู่ในสายหมอกลมหนาว
กลิ่นคาวตลบอบอวลเงียบสงัดเย็นเยียบ
เสียงคลื่นที่สอดประสานบรรเลงกล่อมจังหวะชัดในท้องน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล
เหมือนกับนาทีกาลได้หยุดลง ณ ห้วงเวลาแห่งนี้
เหมือนภาพรอยบรรจงเดิมที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาในความสงัดเงียบ
กลิ่นอันสงบเงียบได้เคลื่อนคล้อยลอยจากไป
ไอเกลือที่หนาวแน่นมวลน้ำที่สั่นเทา ระริกร่าย
คล้ายกับช่วงเวลาแห่งรัตติกาลอันสงบ
ได้ถูกสยบลงด้วยเสียงกัมปนาถกู่ก้องแห่งท้องนภา
แปรบปราบไปด้วยเส้นแสงตัดผ่านขอบฟ้าราวกับจะฉีกสมุทธาให้แยกอกจากกัน
คลืนคลางแรงลมโบกโยกเรือลำน้อยท่ามกลาง ผืนละครบทใหม่แห่งท้องทะเลที่เปลี่ยนไป
เสียงกระแทกโครมครามครอนเรือให้โยกไหวดั่งนกน้อยที่พลัดสู่ห้วงพายุใหญ่
ลูกเรือกระเด็นกระดอนออกจากแปลนอนที่ขึงพาดผ่านเสากระโดนใต้ท้องเรือ
เปรี้ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง
เสียงกู่ก้องแห่งพิโรธนภาถี่ยิบนำพาลูกเรืออีหลายคนให้ลืมตาตื่น
ความรุนแรงที่ทลายกำแพงแห่งความเชี่ยวกราดของประสบการณ์นานนับปีของเหล่าคนเรือ
เป็นไนยว่ามัจจุราชได้เคาะอยู่ที่หน้าโถมโรงนอนในเรือลำนี้แล้ว
ราวกลับราตรีที่ดับแสงยิ่งมืดเข้าอีกบีบลัดอารมณ์ให้ถอยวูบจมดิ่งสู่ความกลัวอันลึกเหลือคณา
แก้วในตาที่เบิกโพลงด้วยความหวาดผวา
เย็นเฉียบเยียบย้ำสู่ใจอันประหวั่นของเหล่าคนจรที่อิงอาศัยร่วมเดินทางมาในเรือลำนี้ด้วย
เสียงส่งร้อง ปองกระซิบกับเหล่า เทพฤทธิ์หลากวัฒนธรรมเริ่มขึ้น
ภาษาปนเปไปด้วยอารามแห่งความโศกที่เหมือนโลกได้ปฏิเสธนาวาลำนี้แล้ว
ทุกอย่างกระชับรุนแรงเข้าจนอาจทานทนได้
แต่ชายคนหนึ่งกลับยังคงหลับสนิทไร้ความกังวล
ราวกับธรรมชาติแวดล้อมเป็นเพียงบรรยากาศหนึ่งเท่านั้น
"พระอาจารย์ พระอาจารย์ โปรดช่วยเราเถิดเรากำลังจะตาย"
เสียงเล้าปลุกจากคนกลุ่มหนึ่งซึ่งรู้สึกเหมือนว่าตนขาดผู้นำ
ได้ส่งทอดอารมณ์หวาดผวาสู่ผู้ที่ถูกเรียกว่า"พระอาจารย์"
ชายผู้หลับสนิทลุกขึ้นก้าวเดินเหมือนเข้าใจเป้าหมายและจิตใจของเหล่าศิษย์ของเขา
มือและคำพูดได้ถูกกล่าวต่อบรรยากาศสี่ทิศที่ยังคงกรรโชกกู่ร้องไม่มีท่าจะเลิกลา
"............"
ความสงบเข้ามาเยือนพร้อมกับคำตักเตือนในเรื่องสายความเชื่อ
ที่คงจะตราตรึงใจในประสบการณ์ห้ามแผ่นฟ้าซึ่งนานาชนได้ประจักษ์ถึงความยิ่งใหญ่
ที่จะกล่าวต่อกันชั่วลูกชั่วหลาน
นามของพระอาจารย์คือ"เยซู"

เพราะเรา

เพราะ
เราขึ้นต้นด้วยตัวเอง
โดยลืมมองว่าขณะที่เราเผชิญปัญห
อีกหลายคน กลับไม่มีโอกาสเจอเหมือนเรา
อีกหลายคน ต้องนอนนับวันตาย
อีกหลายคน ต้องเลี้ยงท้องก่อน

ลองเริ่มต้นที่จะมองให้ไกลกว่าคำว่าตัวเองดีไหม
แล้วเราจะรู้ว่าเราจะทำอะไรได้อีกเยอะ

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

บทเรียนยาก

เพราะบทเรียนที่แท้จริงที่ง่ายต่อการจำนั้น
มักยากที่จะก้าวข้าม
และบทเรียนที่เราลืมได้ง่ายดายนั้น
คงง่ายที่จะผ่านพ้น
การกระทำสนองบทเรียนคือทางเลือกที่จะทำให้เราเรียนรู้ของจริง

คำขอโทษ

คำขอโทษง่ายๆอาจขาดซึ่งหัวใจ
ดังนั้นจงยากที่จะขอโทษเพื่อจะมีหัวใจอยู่ในคำนั้น
แล้วให้มันเป็นการคืนดีที่แท้จริง

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำตาหยดสุดท้าย

น้ำตาหยดสุดท้าจากขอบตาถูกปาดออกด้วยนิ้วชี้เรียวงาม
ย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อต้นปีก่อนที่
หญิงสาวต้องออกเดินทางออกจากบ้าน อู่ข้าวอู่น้ำ ประเทศอันเป็นที่รัก
บ้านเกิดอันมีความทรงจำมากมาย สู่เมืองที่ใหญ่กว่า ผู้คนพลุกพล่าน แออัดกว่า
แต่ก็เป็นทางเลือกของหัวใจอันบอบช้ำ
"ข้าว"เธอเลือกที่จะเดินทางสู่เส้นทางใหม่เพื่อหลีกหนีจากบรรยากาศที่คุ้นเคยสู่
คำว่าอนาคตซึ้งเธอไม่อาจนึกคิดได้
มายังดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมและความงามของสถาปัตยกรรม
ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ ทั้งเต็มไปด้วยนวัตกรรมอันสดใหม่ ทั้งศาสตร์และศิลป์ อันตระการ
สู่ความท้าทายที่จะลบ ความเจ็บปวดที่ถาโถมจนทำให้ คนที่เคยเป็นหญิงแกร่ง เข้มแข็ง ในอดีต
กลายเป็นคนที่เหม่อลอย ไม่อาจตระหนักในคุณค่าของชีวิตเหมือนเธอคนนั้นคนเดิมได้อีกต่อไป
นี่จึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ที่เธอเลือก
"ข้าว"เลือกที่จะเป็นผู้เยียวยาคราบน้ำตาแห่งการสูญเสีย
ของประชาชนผู้เจ็บปวดกับภัยพิบัติที่เกิดโดยน้ำมือของธรรมชาติ หรือที่คนบางกลุ่มเรียกว่าพระเจ้า
และผนวกผลสะท้อนแห่งอุทกภัยสู่การทำลายเทคโนโลยี แผ่ขยายรังสีที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์เอง
คร่าชีวิตและวิถีหลากหลายให้เปลี่ยนไป
เธอหวังว่าผลสะท้อนแห่งการเยียวยา จะนำไปสู่การกลับมาของ"ข้าว"คนเดิมอีกครั้ง
"ข้าว"เธอเป็นพยาบาลจบใหม่ด้วยดีกรีเกียรตินิยมและทำงานในโรงพยาบาลกลางเมืองหลวง
ของแผ่นดินที่ถูกขนานนามว่าเวนิสตะวันออก
ซึ่งเป็นโรงบาลอันมีชื่อเสียง เพราะแม้แต่ราชนิกูลราชวงศ์ ยังเข้ารับการรักษาที่นี่
อนาคตที่สดใสรอเธออยู่นี่คือภาพที่คนรอบข้าง พี่น้องผองเพื่อน ต่างชื่นชมและอิจฉาคละเคล้ากัน
เรื่องเริ่มขึ้นจาก เก้าอี้นั่งสบายสองตัวด้านหน้าในรถที่นั่งส่วนบุคคลคันงาม
เพลงคลอผสานเครื่องเสียงไพเราะดังเบาๆอยู่ภายใน สีขาวที่ถูกล้างมาอย่างใหม่เอี่ยม
เพื่อมารับ"ข้าว"ไปกินข้าวเย็นในวันนี้ ซึ่งน่าจะเป็นมื้อที่ใครๆอิจฉาเหมือนทุกวัน
ถ้าถ้อยคำคำหนึ่งไม่ถูกขับระบายออกมาจากสารถีผู้เงียบขรึม
กลับกลายเป็นฟ้าผ่าเข้ากลางใจที่เข้มแข็งของเธอ
"ข้าว.......ผมหมดรักคุณแล้ว"
.
.
.
.
ความเงียบเกาะกุมบุคคลทั้งสอง ทั้งที่รถยังคงวิ่งด้วยเสียงเครื่องสม่ำเสมอ เพลงบรรเลงต่อเนื่อง
เสียงแตรและคันเร่งของการจราจรในเมืองใหญ่ที่ยังคงเดิม
แต่รอยร้าวที่ถูกสร้างระหว่างคนทั้งสองได้ถูกเปลี่ยนไปเสียแล้ว
.
.
.
"คุณรู้ไหมว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่"
เสียงทุ้มลึกทำลายความเงียบที่เป็นเหมือนพรมกั้นระหว่างคนทั้งสอง
.
ความเงียบคือคำตอบสุดท้ายของเธอ
ไม่มีน้ำตา ไม่มีรอยยิ้ม มีแต่ความนิ่ง ซึ่งเกิดจากอารมณ์มากมายที่ถาโถม
ภาพรอยยิ้ม น้ำตา ทุกสิ่งย้อนมาหยุดอยู่ตรงวันหนึ่ง ของกลางปีที่ผ่านมา มันเป็นเดือนมิถุนาที่ข้ามผ่านกุมภา มากว่าสามเดือนแล้ว ของขวัญในมือ"ข้าว"ถูกส่งคืนด้วยคำพูดสั้นๆว่า"ผมไม่ชอบ"สองสามครั้ง
คำสั้นๆนี้สะท้อนเข้าไปภายในใจเธอปะทุอารมณ์ โกรธเบียดเบียนอารมณ์สำนึกผิดที่มีอยู่เดิม
เพราะเธอให้ของขวัญช้ากว่าวันเกิดจริงของชายหนุ่มเสียสิ้น
เหลือเพียงความคุกรุ่นที่ระเบิดเป็นเสียงโวยวาย ด้วยนิสัยมั่นใจของเธอ
ณ หน้าร้านเสื้อกลางห้างสรรพสินค้า ชื่อดังย่านกลางเมืองที่มีคนพรุกพร่าน
ในวันอาทิตย์ ตอนบ่ายค่อนไปทางเย็น ที่เต็มไปด้วยพนักงานบริษัท ครอบครัว นายจ้าง ลูกจ้าง
ที่เลือกวันสุดท้ายของสัปดาห์เป็นวันพักผ่อน
"ทำไม"คำที่ปนด้วยโทสะ"ทำไมเค้าตั้งใจเลือกให้ทำไมถึงปฏิเสธเค้า"
ภาพอดีตที่หมุนวนถูกหยุดลงตรงนี้
เหลือแต่ข้อคิดในใจ"ข้าว"และคำโต้เถียงเรื่องความอดทนของคนสองคน
ข้าวตระหนักได้ทันทีว่าคำที่เป็นเหมือนเหลี่ยมเพชรที่กระเทาะรอยร้าวให้บานปลายคือคำว่า
.
.
"แล้วคุณคิดว่าชั้นไม่รำคาญคุณหรือไง"
คำคำสุดท้ายที่หยุดบทสนทนาของคนทั้งสองในวันนั้น
ทุกอย่างเหมือนตั้งโปรแกรมไว้ดำเนินต่อจนจบวันที่คิดว่าเป็นวันธรรมดา
แต่กลับกลายมาเป็นคำตอบที่เงียบเชียบในวันนี้ของ"ข้าว"
.
.
ความเสียใจแล่นเข้ามาจุกอก คำพูดที่ตีบตันอยู่ในอก
และศักดิ์ศรีที่ค้ำคอเธออยู่ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปจนมีเสียงทำลายความเงียบอีกครั้ง
"เรายังเป็นเพื่อนกันนะผมยินดีไปรับไปส่งคุณเหมือนเดิม"
คำฟ้องผิดประดังเข้าสู่สี่ห้องหัวใจอย่างไม่อาจให้อภัยได้เลย
รถคันสวยจอดลงริมทางเท้าหน้าที่พักของ"ข้าว"
สีขาวเบลอค่อยๆ เลือนลางห่างออกไป ด้วยระยะทาง
และน้ำตาที่ล้นทะลักออกมาจากตาของเธออย่างมากมาย หยุดไม่ได้
ไม่รู้ว่าน้ำตาแห้งเมื่อไหร่
ไม่รู้ว่าวันคืนผ่านไปได้อย่างไร
ไม่รู้ว่าชีวิตในแต่ละวันดำเนินเช่นไร
แต่บรรยากาศรอบตัวยังคงเหมือนเดิม
เขายังคงทำหน้าที่เดิมไม่บกพร่อง คำพูดคุยเล็กน้อยระหว่างเดินทางยังเหมือนเดิม
แต่"ข้าว"ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
และแน่นอนผู้ที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือครอบครัวของ"ข้าว"
.
.
"ทำไมผอมอย่างนี้"
"ทำไมถึงเหม่อลอยไม่เหมือนเดิม"
"เป็นอะไรไป"
"ใครทำอะไร"
จากคำพูดธรรมดา ไปสู่คำด่าทอผู้ชายอันเป็นที่รักของเธอ
"กูบอกแล้วว่ามันเลว"
"มันไม่มีอะไรดีหรอก"
และคำหยาบ ยุแหย่ สบถ ที่ปะปนด้วยความห่วงใย และความรัก ที่บรรดาลเป็นอารมณ์โกรธ
คำแนะนำคำสอนมากมาย ถ้อยคำแห่งการชี้แนะมากมาย
พัดไหวและวนเวียนอยู่รอบตัวเธอเหมือนดั่งพายุ
ยังความรู้สึกให้เธอ ได้ยินเสียงสะท้อนเบาๆว่า "นี้คือบ้านที่อบอุ่นจริงเหรอ"
จม
ลึก
ลง
สู่
ความเหงาและการดูถูกตัวเอง
"ทำไมฉันเลวอย่างงี้"
"ทำไมฉันถึงพูดอย่างนั้น"
"ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงหัวอกเขาบ้าง"
"ทำไมฉันถึงเลวอย่างนี้"
เหล่านี้นำเธอสู่การลาออก และนำสู่เขาวงกตวกวนจนเหมือนจะปิดตาให้บอดสนิท
เรื่อยๆ คือการดำรงชีวิตเธอในช่วงนี้ของชีวิตซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้กับคนอย่าง"ข้าว"
.
.
พี่เข้าใจมืออุ่นๆ หนาๆ แตะที่แผ่นหลังของเธอด้วยการสวมกอด
"ไหนเล่าให้พี่ฟังซิ"
คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาพร้อมน้ำตาที่เหมือนจะหยุดไหลไปนานแล้วของเธอ
"แล้วข้าวจะแก้ไขยังไง"
"ไม่รู้" คำตอบสั้นๆจากข้าว
"อยากขอโทษเขาไหม"คำพูดที่เธออยากได้ยินและเป็นความรู้สึกนับตั้งแต่วันที่เธอได้ยินคำฟ้าฝ่านั้น
การสนทนาที่เต็มไปด้วยการรับฟังนำพาแสงสว่างริบหรี่ที่เป็นเสมือนแสงในวังวนนี้
ก่อเกิดการตัดสินใจทำบางอย่างของข้าว
ความคิดที่จะเปลี่ยนบางอย่างเกิดขึ้นเธอตัดสินใจจะเดินทางไปเมืองนอกเพื่อหลีกหนีปัญหานี้อยู่แล้ว
ผ่านการตัดสินใจแบบลับๆของเธอ
แต่ก่อนการเดินทางครั้งนี้ได้นำพาเธอสู่การนัดพบ และการพูด"ขอโทษ"
ด้วยความสำนึกผิดมากมายที่ปิดซ้อนเอาไว้ระหว่างที่คบกับชายหนุ่ม ทั้งหมดที่ผ่านมา
ทุกอย่างดำเนินไป แต่สิ่งที่ได้มาคือคำถามสั้นๆ
"มันจะเปลี่ยนคุณได้จริงเหรอ"
ตามมาด้วยความเงียบจนถึงวันเดินทาง
.
เขาคนนั้นไม่ได้มาส่งเธอในวันนี้
เนื่องจากติดงานสำคัญของบริษัทก่อสร้างและจัดสรรที่ดินแห่งใหญ่ที่เขาทำงานอยู่
มีแต่การโอบกอดของคนในครอบครัวและคำพูดให้กำลังใจ
ซึ่งที่เป็นกำลังใจได้ดีที่สุดคงเป็นของพี่ชายที่ไม่ได้มาส่งเธอที่สนามบินในวันนี้
แต่เป็นคำพูดในตอนเช้ามืดก่อนมาขึ้นเครื่องว่า
"ไม่เป็นไรสิ่งที่เราอยากทำ และสิ่งที่ควรทำเราทำทั้งหมดและดีที่สุดแล้ว อย่าคิดมาก"
.
.
คำพูด
บทเรียน
เรื่องราว
การงานในที่ใหม่
น้ำตาที่ยังคงสูญเสียให้กับช่วงเวลาอดีตของชีวิด
ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์
สลับกับความเศร้าที่เกิดจากความเอาแต่ใจของเธอ
การร้องไห้ที่ยังคงอยู่
อารมณ์เหม่อลอยที่ถูกสะกิดหลายครั้ง
ความเหนื่อยล้า
การนอนหลับสนิท
วันที่นอนไม่หลับ
สังคม
เพื่อน
คำปลอบ
คำด่า
รอยยิ้ม
เสียงหัวเราะ
.
เสียงเรียกของพนักงานสนามบินดังขึ้นพร้อมเสียงโทรศัพท์
การพูดคุยกับเพื่อน ซึ่งคือคนที่ทำให้เธอเปลี่ยนจังหวะการใช้ชีวิต
คำพูด ตารางนัดหมาย
และการตัดบทสนทนาเพื่อรีบทำตามคำแนะนำของพนักงานสนามบิน
ตอนนี้เธอนั่งผ่อนคลายอยู่บนเครื่องที่พร้อมจะเทคออฟ
นำพาเธอข้ามท้องนภาผืนเดิม
เธอปาดน้ำตาแห่งความปีติ และความคิดถึง
ที่เต็มไปด้วยมุมมองใหม่ของชีวิต
ข้ามฟ้านำเธอกลับบ้าน
ประสบการณ์มากมายที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดหนึ่งปีในต่างแดน
จะไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เลยหากเธอไม่เข้าใจ
คำคำนี้
"แม้ว่าเราจะเปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัวได้ แต่ใจเราไม่เปลี่ยน ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

ล้น

เจริญเถิดเกิดผลล้นและเหลือ
ได้เอื้อเฟื้อเผื่อให้คนอื่นเขา
ให้พรหลั่งท่วมท้นเกินรับเอา
จนต้องเบด้วยแบ่งสู่ปวงชน

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ชื่น

ชื่นใจในพระพรที่ทรงค่า
ชื่นชมในบัญชาพระผู้ไถ่
ชื่นจิตด้วยผองมิตรเดินร่วมใจ
ชื่นไชยในพระนามพระเยซู

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

วันพิเศษ

วันธรรมดาวันหนึ่งเราอาจทำให้เป็นวันพิเศษได้
เพียงเราไม่ทำเพื่อตัวเองผู้เดียว

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

กำเนิดพร

มีวันดีวันเกิดกำเนิดพร
ธารพระกรหลั่งรินหนุนนำให้
พบสิ่งดีในทุกก้าวต่อไป
บทเรียนใหม่หนุนน้ำใจเป็นพรเอย

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

วันเกิดเธอ

รอเวลาใกล้เข้าถึงวันใหม่
เพื่อส่งใจอวยพรในวันนี้
พระเจ้านำให้พบแต่สิ่งดี
เพราะวันนี้วันคล้ายวันเกิดเธอ

เพลง

ถ้าเศร้าก็ฟังเพลงสุข
เพราะทุกข์ทำให้เหนื่อยใจ
จมอยู่กับมันทำไม
หัวใจก็ของเราเอง

โสด สด

ผมสามารถสละ"โสด"กับผ้หญิงคนไหนก็ได้
แต่ผมจะสละะ"สด"ก็ต่อเมื่อการวิวาห์อย่างถูกต้องผูกเราเข้าด้วยกัน

ตรงนี้

หากวันนี้ตรงนี้เธอยืนอยู่
ฉันไม่รู้ว่าจะอยู่ในท่าไหน
เพราะเลือดฉีดกระแทกลิ้นหัวใจ
แทบจะไหลละลายน่ารักเกิน

เวียน


กลอนป่าวข่าวแว่วเสียงสำเนียงซึ้ง
ให้ตราตรึงห้วงจิตพิศมัย
ด้วยเรื่องรักปักหลักหนักหัวใจ
ถ่วงภายในให้หลงพะวงเวียน

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

คำพูด

คำพูด สร้างมิตรและศัตรู
คำพูด สร้างบ้านและทำลาย
คำพูด สร้างความเข้าใจและรอยร้าวฉาน
คำพูด สร้างแรงจูงใจและความรังเกลียด
คำพูด สร้างคนและฆ่าคน
จงรักที่จะ"พูด"อย่างรู้ค่าไม่ใช่สักแต่จะ"พูด"

สุดท้าย

หากวันนี้เป็นหนึ่งวันสุดท้าย
คงแบกกายที่เต็มด้วยคิดถึง
ไปคอยเฝ้าสารภาพคำคำหนึ่ง
แนบตราตรึงคำว่าผมรักคุณ

เปลี่ยนเป็นศูนย์

เราสามารถ
เปลี่ยนเสื้อ
เปลี่ยนสีผม
เปลี่ยนงาน
เปลี่ยนที่อยู่
เปลี่ยนประเทศ
เปลี่ยนวัฒนธรรม
แต่ถ้าใจเราไม่เปลี่ยน"ที่เปลี่ยนก็ศูนย์-ป่าว"

อายุ

มันอาจเป็นก้าวใหม่อีกครั้งหนึ่
อีกครั้งซึ่งย้ำเตือนอายุฉัน
ว่าผ่านผันเวลาและคืนวัน
ที่ผูกพันธ์รักจากพระเยซู

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อนาถ

สงสัย คงต้อง ทำใจ
ยังไง ไม่มี โอกาศ
ภาพฝัน คงแค่ หวังวาด
อนาถ แท้เอย ใจเรา

เพราะรัก

เพราะว่ารักจึงแอบยืนใกล้ใกล้
เพราะห่วงใยจึงแอบนอนฝันถึง
เพราะอยากบอกจึงแอบคิดคำนึง
เพราะคำจึงคิดถึงเธอผู้เดียว

เพราะ"เวลาถอยไม่ได้ แต่คนเปลี่ยนได้"

เพราะ"เวลาถอยไม่ได้ แต่คนเปลี่ยนได้"

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เพราะ

เพราะทุกสิ่ง คือผลสะท้อนของการกระทำ
เพราะทุกอย่าง คือแรงผลักดันให้เราก้าวเดิน
เพราะทุกทาง คือคำตอบที่แตกต่าง
เพราะฉะนั้น จงเลือกอย่างตั้งใจ

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สักวาเรียนรัก

สักวา เรียนรัก แต่ต้องโสด
แล้วจะโทษ ใครไหน คนอื่นได้
ต้องโทษตัว ที่ไปรัก คนห่างไกล
แล้วฝากใจ ไปกับคน ไม่รักเรา
สักวา หันมอง รอบข้างบ้าง
เผื่อหนทาง จะเปิดกว้าง และคลายเหงา
คนรอบข้าง อาจรอ รับรักเอา
อย่าได้เขลา มองเพียงรูป ที่ต้องตา

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เหตุผล = พระพร

เหตุผล = เรื่องที่เกิดขึ้นจริงมีหลักฐาน
พระพร = เรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับตัวคุณ
เพราะฉะนั้น จงใช้ "เหตุผล" กับคนที่คุณรัก

เรื่อยเบื่อย

สักวา ตัวข้าฯ ตามหารัก
แต่ทายทัก ทุกวัน คือความเหงา
เห็นคนอื่น เคียงคู่ เดินเป็นเงา
เหลือแต่เรา ยังเศร้า โดดเดียวดาย
ปลอบใจตัว ซักวัน ฝันมาถึง
คงตะลึง ตึงงัน จนหน้าหงาย
ถึงวันนี้ จงโสด อย่าได้อาย
ทั้งหญิงชาย หัวเราะหลัง ดังกว่าเอย

ช้า

แม้นจะช้าก็ขอมาบอกหัวใจ
ว่ายังไงขอให้เธอสุขสันต์
ณ วันนี้ต่อเมื่อวานและทุกวัน
ให้เธอนั้นรับพระพรพระเยซู

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จุด

เริ่มต้นที่ตัวเรา
ใช่ใครเขาบังคับได้
ขอเพียงเราตั้งใจ
สำเร็จได้ในเร็ววัน

เรียงก่อ

ถ้อยทีถ้อยอาศัย
สร้างหัวใจดังเรียงหิน
ต่อเติมเสริมจุดบิ่น
จนเสร็จสิ้นและมั่นคง

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วันเกิด

ให้ทุกวันเป็นวันความสุขล้น
ให้ทุกคนใกล้ชิดสุขนักหนา
ให้วันนี้วันเกิดเพลินชีวา
เพราะรู้ว่าพระเจ้าอยู่ใกล้เธอ

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทางเลือก2แบบ

ทางเลือกของคน"โสด"คือเลือกที่จะทำอะไรกับใครก็ได้
ทางเลือกของคน"มีคู่"คือเลือกที่จะทำอะไรกับใครก็ได้ ถ้า"มึงเลวพอ"

ห่วง+เหงา

ชีวิตวิตคู่มีเรื่องให้วิตกระหว่างคนสองคนซึ่งเรียกว่า"ความเป็นห่วง"
ชีวิตโสดมีเรื่องให้วิตกของคน คนเดียวซึ่งเรียกว่า"ความเหงา"

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โสด

"โสด"คำจำกัดความของคนช่่างเลือก
"โสด"คำจำกัดความของคนไม่ถูกเลือก
"โสด"คำจำกัดความของคนขี้โกหก
"โสด"คำจำกัดความของคนที่โดนหลอ
"โสด"คำจำกัดความของคำว่ารอ
"โสด"คำจำกัดความของคนที่โดนปฏิเสธ
"โสด"คำจำกัดความของคนที่เรียกว่าผม

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เก่า

อีกก้าวหนึ่งก้าวเดินข้ามอีกปี
มองวิถีผ่านมากี่มากหลาย
ได้เรียนรู้ด้วยใจและด้วยกาย
เก่าเป็นนายปีใหม่ดีขึ้นเอย

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สมบูรณ์

การที่เราจะเป็นคนสมบูรณ์แบบ
คือการทำตามความคิดคนอื่นเท่าน้ัน
อย่าไปเชื่อ
แค่เรามั่นใจและมีจุดยืนที่ดี
นั่นก็พอแล้ว เพราะ"คุณก็คือคุณ"
และสมบูรณ์แบบในแบบคุณ

เท่ห์

ที่ยังโสดใช่ไร้ซึ่งเสน่ห์
ผมก็เท่ห์บางแง่บางมุมนะ
แต่ว่าติดนิสัยช่างเลือกซะ
เลยปะทะคำว่าโสดโดดเดียวดาย

เทา

แด่โลกนี้ที่มีแค่ขาวดำ
หม่นหมองช้ำสดใสต่างหันเหลือ
คนละขั้วรวมกันป้ายปนเปือ
คงจะเหลือเพียงสีเทาเท่านั้นเอง

แล้วใครเล่าจะแต่งเติมสีสัน
ให้โลกนั้นหลากสีครึกครื้นเครง
คงมีแต่เธอฉันเราบรรเลง
ป้ายละเลงสีสันจรรโลงใจ

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คนละเรื่องต่อเนื่อง


เรียนภาษาตกภาษาเป็นภาษิต
สอนชีวิตให้เรียนตั้งใจหนา
จนเข้าใจถ่องแท้เมื่อโตมา
ว่าภาษาไทยแท้งามเกินชม
...
มิใช่เลิศแค่ดินคิดเรียนรู้
ลองทำดูต่อความตามประสม
เล็กนิดน้อยเรียงร้อยถ้อยระงม
จากประถมคงสำเร็จได้เพียงทำ

ไม่ต้องเร่งรีบร้อนไปไหนไกล
เพียงมีใจชนะได้ใช่คำขำ
เรียงด้วยใจต่อวลีรวมเป็นคำ
ก็คงนำรสชาดบาดใจเอย

เสียง

อันที่จริงปรับนิดคิดซักหน่อย
แล้วเรียงร้อยปล่อยถ้อยวาทะศิลป์
พร้อมน้ำเสียงสั่นลึกประดุจพิณ
เพียงได้ยินหินแข็งอาจละลาย

ขอ ที่

ขอเวลานาทีมีคุณค่า
ขอศรัทธานำหน้าต่อจากนี้
ขอหยดน้ำฉ่ำเย็นดุจนที
ขอลูกนี้เรียนรู้และก้าวไป

ที่หกล้มเจ็บนั้นเราเรียนรู้
ที่ยังอยู่คือเราใช่คนไหน
ที่ผ่านมาคือบทเรียนนำต่อได้
ที่เข้าใจว่าพระเจ้ามีแผนการ

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เด็ก

จะว่าไปก็อยากหยุดเวลา
เด๋วจะพาริ้วรอยวิ่งเข้าใส่
ขอให้ครบวันเกิดสุขเถิดใจ
อีกขวบปีขอให้เด็กเหมือนเดิม

ล่องลอยรัก

ปล่อยลอยล่องท่องห้วงกาลเวลา
เพียงศรัทธารักนั้นไม่ห่างหาย
เพียงปรับตัวเรียนรู้ความเดียวดาย
เชื่อไม่สายวันหนึ่งคงเจอกัน
แค่ตอนนี้เตรียมตัวใจให้พร้อม
เพื่อถนอมคำว่าความรักมั่น
ก้าวเดินไปตั้งใจได้พบกัน
แล้ววันนั้นทุ่มเทให้สุดใจ

เข้าใจ

เพียงเข้าใจก็รู้ได้มีเวลา
ที่ตามหาวิ่งไล่ยิ่งไกลแสน
เพียงย้อนมองเห็นค่าตัวเราแทน
ปรับความแมนเด๋วหญิงก็หลงเอง

เหนื่อยจะเบา

เหนื่อยก็พักวุ่นนักอธิษฐาน
อย่าให้ผ่านเนิ่นนานพาลสับสน
เราเข้าใจว่าคนทุกทุกคน
มีสับสนนั่นคือความเป็นเรา
นั่งซักเดี๋ยวผ่อนใจให้หยุดพัก
ให้ความรักเป็นแรงแบ่งหนักเบา
ให้พระพรคอยหนุนจุณบรรเทา
หนักเป็นเบาเข้าใจผ่านพ้นเอย

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Time skip

คำว่าลืมอาจง่ายที่จะคิด
คำว่าชิดอาจง่ายที่จะพราก
คำว่าเราอาจมีวันต้องจาก
ไม่มีมากเวลาใช้ให้ดี

...ใช้เวลาให้คุ้มค่าเพราะเมื่อเสียมันไปแล้ว
ความทรงจำไม่สามารถกู้คืนความเป็นจริงได้เลย

all time

ไม่มีใครควบคุมคุ้มเวลา
ไหลเข้ามาวันเดือนปีของฉัน
มาครบรอบครั้งหนึ่งแทบไม่ทัน
แต่ทุกวันนั้นเป็นพรของพระองค์

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เรา

เราเป็นเราใช่ใครเขาสร้างสรรค์ให้
มีหัวใจสี่ห้องไม่แตกต่าง
อย่าให้ใครมาชี้วัดบอกหนทาง
เพราะแตกต่างจึงเป็นเราเท่านั้นเอง

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อำ

อย่าอำกันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
อย่าอำลาด้วยถ้อยคำที่ฉ่ำหวาน
อย่าอำพรางความรักไว้เนิ่นนาน
เพราะเธอหวานจนหลงรักเพียงเจอ

คร้าวแคล้ว

ถึงไอ้คร้าวมันจะแคล้วแห้วเสมอ
ไม่เคยเจอสาวไหนรับรักหนา
แต่มันเชื่อมุ่งมั่นมีศรัทธา
ชายอย่างข้าฯไม่ขอโสดเป็นแน่นอน

จริง

บาปมันเข้าเส้น เค้นแทบไม่ไหว
เรื่องบาปทำไว คุมใจยากเกิน
ยิ่งเห็นยิ่งเสื่อม ถอยเข้าทางสูญ
จำต้องเกื้อกูล ด้วยรักที่แท้จริง

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

วันเกิดตั้ว

เรื่องดีจงมีแด่ท่าน
ทุกข์ผ่านเรื่องเศร้าเหงาหาย
สมสุขทุกเรื่องทุกราย
ขอนายสุขสันต์วันเกิด

สิ้น

พอสิ้นเสียงก็สิ้นความรู้สึก
ไม่อยากนึกย้อนรอยความสุขร้น
เพราะเมื่อนึกเรื่องทุกข์ก็ปะปน
จึงปล่อยหล่นทิ้งไว้ไม่อยากจำ

ฝันเดิม

เพียงภาพอดีตดูเลือนลาง
เรื่องราวข่าวคราวห่างใจหาย
เหลือไว้เพียงความว่างเปล่า เดียวดาย
ของผู้ชาย ที่ต้องอยู่กับ ความฝันเดิม

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

วันวานวันนี้

เรื่องที่เรายิ้มได้เมื่อวาน อาจทำให้ร้องให้แทบคลานในวันนี้
ดังนั้นจงอย่ายึดติดกับ
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
วันใดวันหนึ่ง
เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
และคนใดคนหนึ่ง

หยาดน้ำตา

น้ำตาหยาดหยดรินกินกลางใจ
ด้วยข้างในตอกย้ำคำผันผวน
เพียงเข้าใจข้างเดียวดังติดอวน
ดั่งโซ่ตรวนตรึงใจไว้กับเธอ

แต่เศร้าหมองใช่มองทางไม่เห็น
ทีจำเป็นคือเราอย่าพลั้งเผลอ
ทอดถอนใจแสนร้อยคล้อยละเมอ
จำเสมอเธอยืนได้ด้วยตนเอง

ไกลลับ

เวลาเปลี่ยนแปลไปไม่หวนกลับ
จากไกลลับจากใกล้ไกลห่างเหิน
เหลือเพียงเสี้ยวเศษจำไม่ขาดเกิ
เส้นทางเดินเหลือเพียงความทรงจำ

ว่าง

หากสี่ห้องหัวใจโดนใครจอง
คงไม่มองใครอื่นหมื่นแสนไหน
แต่ว่าว่างทุกห้องในหัวใจ
จึงอยากให้ใครซักคนมาจับจอง

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

คู่รัก

ถ้าผมมีแฟน ผมคงต้องบอกคุณว่า
"ผมคงให้คุณเป็นที่หนึ่งในใจผมไม่ได้
เพราะที่หนึ่งในใจผมพระเจ้าเอาไปหมดแล้ว"
แต่เพราะว่าความรักในพระเจ้านี่แหละสอนผม
ให้เข้าใจความรัก และความรักผ่านความเข้าใจเหล่านี้
ก็คงจะถักทอเราสองให้เป็นหนึ่งเดียว
โดยมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง
แสงสว่าง รสชาติ ที่ผสานเราให้เป็นคำว่า"คู่รัก"

ความจริง

แม้ทุกสิ่งไม่ได้ดั่งที่ฝัน
อาจไม่ทันอาจมาสายในบางเรื่อง
แก้ไม่ได้ไขไม่ออกพอกขุ่นเคือง
ต้องสิ้นเปลืองเวลากี่คืนวัน

แต่สิ่งนั้นคือบทเรียนอันล้ำค่า
เพียงตรึงตราตรองคิดแยกแบ่งสัน
ดีเก็บไว้พลาดผิดรู้เท่าทัน
สิ่งละอันเหล่านี้แหละ"ความจริง"

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ตานาง

แววตาส่อใจจริงรึเปล่า
หรือเพียงส่อแสงเงาให้หลง
ด้วยหวังเจ้ายอดนวลอนงค์
จะบรรจงตอบรับรักหน่อย แม่เอย

ลมฝน

ลมฝนเอยพังเพยดวงใจค่า
ถ้อยวาจาหัวใจเสนาะเสียง
เรียงร้อยดังอยากส่งตรงสำเนียง
ไร้คำเรี่ยงมีแต่คำว่ารักเธอ

วันเกิด2

ขอพระพรจากเบื้องบนลงมา
ให้ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มหวาน
อยู่กับเธอตลอดกี่ปี่ผ่าน
สุขสำราญขอแฮปปี้เบิร์ดเดย์

ให้วันเกิด

ให้ชีวิตมีคุณค่าคณานับ
ให้เท่ากับพระคริสซักวันหนึ่ง
ให้เป็นพรต่อพรอันหวานซึ่ง
ให้การตรึงบอกต่อผ่านตัวคุณ
ให้วันเกิดเป็นวันแห่งสิ่งใหม่
ให้หัวใจมีสุขพรนำหนุน
ให้พระคำมีพอเกินกักตุน
ใ้หทุ่มทุนรับใช้ตลอดการ

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

โปรย

กราบกรานกลางสายฝนปรอยโปรย
อ้อนวอนรักรางโรยหมดค่า
เหลือเพียงแต่จดจำย้ำเวลา
ธารพาดิ่งดำลงเหลือเพียงรอยจำ

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้อความ

ข้อความสั้นบอกฉันคิดถึงเธอ
ซ้อนคำเพ้อมากมายข้างในนั้น
ว่าอยากไปสบตาเข้าใจกัน
ว่าทุกวันทุกเงาสะท้อนเธอ

รักของฉัน

หากความรักเพียงฝันลมฝันแล้ง
คงไม่แข่งแก่งแย่งกับใครเขา
แต่เรื่องรักสำคัญสำหรับเรา
จึงขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ห้องความเหงา

ทอดถอนใจใต้ร่มห่มความเหงา
มีเพียงเราคนเดียวในมุมหนึ่ง
ไม่มีรักไม่เคยสำผัสซึ้ง
เงียบทอดตรึงตัวเราเฝ้าเดียวดาย

...เคยเห็นแสงที่คนวนชมชื่น
ในค่ำคืนกอดเข่ามองเดือนหงาย
แม้นแสงส่องกระทบก็ปล่าวดาย
เพราะข้างกายมีเพียงเงาสะท้อนจันทร์

ดิน

ชายดินดินอยู่กินธรรมดา
มีศรัทธาความรักว่ายิ่งใหญ่
หลงรักเจ้าดอกฟ้าที่แสนไกล
คาดหวังไปฝากลมห่มใจเธอ

ผูก

ผูกพันธ์รักสันสร้างทางสองเรา
จะเก็บเอาผลแห่งความดีไว้
เสียน้ำตาเสียใจปล่อยปลิวไป
รักษาไว้เรื่องนั้นฉันรักเธอ

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ฝันลม

หากความรักเพียงฝันลมฝันแล้ง
คงไม่แข่งแก่งแย่งกับใครเขา
แต่เรื่องรักสำคัญสำหรับเรา
จึงขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

หน่อย

หยิบนิดคิดน้อยค่อยเดิน
ดำเนินไม่เกินใจข้าฯ
หมดแรงพักปล่อยเวลา
ช้าช้าก็เป็นตัวเรา

รีบเร่งร้อนเร่าเผาวอด
เพื่อสอดในความหิวหา
แก่งแย่งโลกได้ไรมา
ศรัทธาหรือว่างปลายทาง

หวานเย็น

ดุจหวานเย็นชุ่มฉำ่ซ้ำอุรา
เพียงสบตามิหาญกล้าจ้องนานได้
เพราะอนูรู้สึกทั้งนอกใน
หมดทั้งใจแทบละลายเมื่อพบเธอ

ใช่

ใช่โชคชะตาไม่ ที่ทำให้เราเดินได้ แต่คือพระคุณที่ทำให้เราก้าวมั่นคง

รัก กันเบาเบา

กรุณารักกันแบบเบาเบา
อย่าให้เขาอิจฉากันได้ไหม
จะหวานซึ้งน้ำผึ้งไปไกลไกล
ตาเป็นไฟโปรดเห็นใจคนโสดที

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

หวาน

ดุจหวานเย็นชุ่มฉ่ำซ้ำอุรา
เพียงสบตามิหาญกล้าจ้องนานได้
เพราะอนูรู้สึกทั้งนอกใน
หมดทั้งใจแทบละลายเมื่อพบเธv

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

เริ่ม

เริ่มช้าแต่มีความตั้งใจอะไรก็ไม่สายเกิน

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความเงียบ

เงียบหายตายจากกัน
เงียบงันไม่หันมอง
เงียบเหงาดูเศร้าหมอง
เงียบลองส่งเสียงดู (เงียบโว้ยยยยยยยย)

เบื่อ

เบื่อก็บ่นบ่นแล้วคงหายเบื่อ
หรือยิ่งบ่นยิ่งเซ็งคงไม่ไหว
เพราะฉะนั้นบ่นแก้เบื่อก็ทำไป
ทำไม่ได้ขอแนะให้ทำใจดู

เริ่มหรือจบ

การเริ่มต้นใกล้เคียงกับตอนจบ
อยู่ที่ลบแล้วยังเดินต่อไหว
หรือยอมแพ้แล้วไม่ทำอะไร
เลือกเดินได้จบคือเริ่มทางใหม่เอย

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

ท้อ

ท้อเพราะโสดอยู่เดียวดายมาหลายปี
วันพรุ่งนี้ก็ไม่มีคนเคียงข้าง
มะรืนนี่ก็คงเหมือนเมื่อวันวาน
อยากพบพานใครซักคนดูแลใจ

วันนี้

ให้สุขใจในวันสุขวันนี้
ให้ทุกที่สิ่งดีวิ่งเข้าหา
ให้สนุกเต็มวันทุกเวลา
ให้หรรษาเพราะวันนี้วันเกิดเธอ

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

thank

ขอบคุณมากที่ยังคงคิดถึง
และสุดซึ้งกับขอ'แนบส่งมา
ถ้าได้รับเมื่อไหร่จะโทรหา
เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ขอเบอร์

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

สูตรรัก

สูตรสำเร็จของความรักคือ ความไม่สำเร็จ
"เพราะต้องหมั่นเติมความหวานและรสชาดอยู่เสมอ"

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อย่า

อย่าฝืนถ้าเส้นทางของคนสองคนมันไม่บรรจบ
อย่าลบเรื่องราวอดีตที่เตือนความหลัง
อย่าลืมว่าเรานั้นยังมีกำลัง
อย่าหวังเพราะความจีรังไม่มีในคำว่า"คน"

วันนี้ วันหน้า

แล้ววันหน้าก็เริ่มจากวันนี้
คือวันที่สำเร็จดังประสงค์
ขอเพียงเริ่มวันนี้อย่างมั่นคง
ก้าวให้ตรงเล็งให้ถูกเส้นทาง
สิ่งที่ฝันจะเป็นดังฝันได้
หวังให้ไกลไปให้ถึงเส้นทางฝัน
ณ ที่นี่มีพวกเราร่วมใจกัน
มีเธอฉันร่วมกันไม่ยากเลย

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วัน

วันแห่งรักให้สุขล้นหัวใจ

วันใดใดผ่านไปเลยละร่วง

วันนี้ต้องสร้างหัวใจรักเต็มดวง

วันพรุ่งดวงตะวันใหม่สดใสเอย

เหตุ

หมายเหตุแห่งต้นสายปลายทางรัก
คือพิทักษ์ดวงใจใครคนหนึ่ง
ด้วยความจริงวาจาหยาดน้ำผึ้ง
ผนึกตรึงสองใจนานเท่านาน

เพียง

เพียงวันเดียวที่ผ่านไปสุดใจหาย
เมื่อไม่มีคนข้างกายอย่างวันก่อ
เดินเดียวดายทอดกายห้วงอาวร
สุดที่หมอนนอนหลับเพียงลำพั

ขอ

ขอแต่เพียงมีพระองค์อยู่เคียงข้าง
คอยปลอบพรางชี้ทางที่สดใส
ก้าวต่อก้าวย่างเท้าก้าวตามไป
ด้วยหัวใจเชื่อในพระเยซู

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ฮีโร่ หรือ อันทพาล

อยู่ที่เราจะเลือกเป็นฝ่ายไหน
ฝ่ายรุกไล่ด้วยกำลังที่มากกว่า
หรือฝ่ายรับที่แน่วแน่และศรัทธา
ว่ารักษาดีกว่าบ่อนทำลาย

เป็นเสียงหนึ่งที่อยากให้ตั้งรับ
ไม่ยกทัพต่อตีเพราะเหนือหลาย
มีวิชาเอาไว้ป้องกันกาย
คือชาติชายใช่ที่คนด่าทอ

ใช้อารมณ์ว่าตูนั้นแกร่งกว่า
ตะบันหน้าถล่มทลายหอ
นี่หรือคือฮีโร่ที่คนรอ
หรือเหลือขออันทพาลเท่านั้นเอง

ห่วง

เป็นห่วงว่ารักเราจะจืดจาง
เป็นห่วงพรางก้มลงอธิษฐาน
ให้ทุกวันเวลาที่เดินผ่าน
คงประสานรักเราไม่เก่าเลย

เหนื่อย

เหนื่อยเรื่องงานพักนิดก็คงหาย
เหนื่อยเดียวดายฟังเพลงก็พอได้
เหนื่อยที่สุดคงเรื่องของข้างใน
เหนื่อยหัวใจนี่หายคงอีกนาน

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เปลี่ยน

เปลี่ยนชีวิตก็ต้องมีเริ่มต้น
เปลี่ยนบุคคลก็ต้องมีเริ่มสอน
เปลี่ยนคนไทยต้องเริ่มขุดสันดอน
เปลี่ยนเพศตอนนั้นคือทางกระเทย

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โอม

ถ้าครั้งนี้ไม่ได้หัวใจเธอ
คงชะเง้อคอยดูอยู่ห่างห่าง
แล้วคอยแช่งคนที่อยู่ข้าง
ให้รถรางทางโค้งเอามานไป

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โลกใบเดิม

เริ่มด้วยรักอย่าจบด้วยการจาก
อย่าได้พรากรักจากทางของฉัน
แม้จบรักเรายังเป็นเพื่อนกัน
โปรดอย่าหันเมินหนีลี้เส้นทาง
ให้มันผ่านเป็นดั่งน้ำที่ไหล
เช้าวันใหม่ธารใสทดเปลี่ยนบ้าง
ที่ข้างคาให้เวลาเป็นตัวกลาง
ข้ามบาดหมางและร่วมทางโลกใบเดิม

อาร์ท

อย่ามาทักอยากอาร์ทอยู่คนเดียว
อย่ามาเหลียวเปลี่ยวใจอยากจะเหง
อย่ามาสอดคนเดียวอยากซบเซา
อย่ามาเมาผมไม่ดื่มผมเด็กดี

หนึ่ง

มีเพียงหนึ่งก็ซึ้งซึ่งหัวใจ
ฐานะใช่ตัวกลางอย่างใครเขา
ขอเพียงแค่ลึกซึ้งในสองเรา
เป็นลมเบาแบ่งปันลมหายใจ