ลอย

เคว้งคว้างกลางนภาถลาโบก
หยาดโยกโปรยปนายกลายสายฝน
เร่งเล่าเย้าแหย่แล่ผจญ
กมลร่องไล่ไร้ทิศทาง
เหมือนวันผ่านผันกลายเป็นศูนย์
พอกพูนดั่งฟางถูกแพ้วถาง
สิ่งที่เคยหวังเพ่งรางราง
เหลือล้างเพียงเจตไร้ตะนา

Love song

เพลงรักไร้ภาพของเธอ
เหมือนเจอโลกที่ว่างเปล่า
เดียวดายภายใต้แสงดาว
ภาพคราวที่ฝันได้ครอง
ความจริงยอมรับแลหยุด
สิ้นสุดภาพสีเปลี่ยนหมอง
มัวลงคงเหลือจิตตรอง
เหม่อมองความฝันผ่านไป
นี่คือเรื่องรักข้างเดียว
อยู่ที่หักเลี้ยวเมื่อไหร่
กลายกลับจากใกล้สู่ไกล
หรือใกล้ได้เพียงไมตรี

Cr TheGo...

ต้องตา

เพียงมองพลาดถลำตรึงตราจิต
เหมือนความคิดหยุดลงดำรงหาย
เพียงต้องตาสะกดรักปักตรึงกาย
แทบละลายแทบเธอที่รักเอย

อาวฮาเฮ

อาวเฮฮาโห่ร้องซ้องวันเกิด
ถือกำเนิดนางเลิศแม่โฉมศรี
วิไลวัลย์กล่อมกลิ่นพรั่งพรูมี
เพราะเธอนี้ผู้รับใช้พระเยซู

บริหาร

ผมคงต้องลดการบริหารหัวใจ แล้วบริหารเสน่ห์ได้แล้ว
ส่วนคุณแค่บริหารหัวใจก็เพียงพอ
เพราะว่าเสน่ห์ของคุณได้เกี่ยวหัวใจผมไปหมดแล้ว
ก็แค่หวังว่า วันหนึ่งเสน่ห์ของผมจะไปสะกิดที่แก้มซ้ายของคุณ

เรื่องร้าย สายเงา

                 เรื่องร้ายๆ มักก้าวเข้ามาทำลายให้หัวใจอ่อนละโหยโรยแรง อ่อนล้า แต่ไม่อาจฆ่าประทีปแห่งความหวังได้ จงใช้น้ำตาปลอบประโลมความเหงาในนทีที่มืดบอดเหล่านั้น ใช้ห้วงเวลา ชะลอจังหวะของชีวิตให้ช้าลง เหลียวมอง ใบไม้สายลม รอบข้าง ที่ยังกังวาลความงามที่ได้สรรค์สร้างให้เราได้ชื่นชม อย่าก้มลงมองเพียงปลายเท้าที่อ่อนล้า จากการฝ่าฟัน และก้าวเดินมาเท่านั้น เพราะความฝัน ความรัก ความหวัง เป็นพลังที่สะท้อนอยู่ในแววตาของผู้ที่ยังมีชีวิต แสงอาทิตย์ยังสาดทอ ให้เกิดเงาแล้วปล่อยให้ความเศร้าตาม หลังเราเหมือนเงาที่สะท้อนส่วนหนึ่งของชีวิต เท่านั้นพอ

ก่อนเจตนาดี กรุณา เจตนาดู

บทเรียนเรื่องเวลา
โดยปกติแล้วเราควรจะใส่ใจในรายละเอียดของการโพส
เช่นเรื่อง หัวข้อโพส เวลาที่โพส วันที่โพส ความรู้สึกขณะโพส
ของผู้อื่น จึงค่อยตอบและดูเรื่องราวไปอย่างช้าๆ
เพราะว่าการที่เราตอบทันทีที่เห็น หรือด้วยสัญชาตญาณ
ความเป็นห่วง อะไรก็ตาม มันอาจจะผิดเวลา สถานที่
และอื่นๆ อีกมากมายและแทนที่จะเป็นพรหรือคำหนุนใจ
อาจกลับกลายเป็นความรู้สึก แปลกใจ งง ตลก
หรือที่แย่กว่านั้นเขาอาจคิดว่าเราไม่ได้ใส่ใจเขาเลยต่างหาก
จึงทำให้คิดวลีหนึ่งขึ้นมาได้ว่า

"ก่อนเจตนาดี กรุณา เจตนาดู"

เมื่อถึงตรงนี้ทำให้ผมนึกถึงวจนะของพระเจ้าตอนหนึ่ง
ใน (มธ16:21-23)
เป็นตอนที่เปโตร ได้ยินเรื่องการมรณะกรรมของพระเยซู
แล้วจับมือพระเยซู พร้อมบอกว่าให้เหตุการ เรื่อง
การตายไม่เกิดกับพระองค์ ทำให้พระเยซูต้องเตือนเปโตรให้ระวัง
จะเห็นว่าเปโตรเลือกใช้วิจารณญาณส่วนตัว
ความรู้สึกเป็นตัวตัดสินชั่ววูบและ ตอบสนองต่อการ
ทำนายมรณะกรรมของพระเยซูโดยการปฏิเสธสิ่งที่จะเกิดตามถ้อยคำ
และคำทำนายของพระเจ้า
เมื่อเป็นดังนั้นพระเยซูจึงเตือนสติเปโตร
เป็นความนัยว่า(จินตนาการ)
อย่าปล่อย
ให้การตัดสินใจแบบชั่วแล่น หรือตามความรู้สึก
กำหนดคำตอบ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเปิดโอกาศให้มารทำงาน
และอาจสร้างผลกระทบอื่นๆ ตามมาได้

ขอพระเจ้าอวยพรครับ