วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หลง หรือ รัก

เกือบจะลืมว่าเรายังเคยรัก
ได้รู้จักมักซึ้งใจดวงนี้
เมื่อเวลาผ่านผันนานเดือนปี
ที่เคยมีกับเริ่มเก่าจืดจาง

คือความรักที่จุดไฟด้วยใจหลง
ไม่มั่นคงทอแสงเปรียบรุ่งสาง
เพียงชั่ววูบประกายร้ายอำพราง
แล้วเลือนลางร้างเปล่า ณ สุดปลาย

ก็ขอให้เรียนรู้รักอย่างรัก ไม่ใช่รักอย่างหลง

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

เพื่อนบอกเวลา

เมื่อต้องเช็ดหยาดน้ำแ่ห่งความ
ในห้วงเหงาคำนึงรำพึงหา
ขอให้รู้ยังมีเพื่อนแบ่งวาจา
ส่งภาษาบอกว่าอย่าท้อเลย

ก็ชีวิตไม่ได้ง่ายเช่นปลอกกล้วย
คงไม่สวยหรูเลิศหรอกเพื่อนเอ๋ย
อยากบอกว่าต้องปล่อยเลยตามเลย
คงเหมือนเคยเวลาเยียวยาเอง

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ริบหรี่

แสงเพียงน้อยยังส่องซึ่งความหวัง
มีพลังแม้นน้อยนิดริบหรี่แสง
แม้นล้มลงคงไม่สิ้นเรี่ยวแรง
เพื่อแสวงหาหนทางก้าวต่อไป

แคร์

คำว่ารออาจยากกับคน
คำว่าทนอาจยากซะยิ่งกว่า
คำว่าเลิกอาจหมดซึ่งศรัทธา
ขอร้องว่าโปรดแคร์คนใกล้ตัว

สุขสันต์วันเกิด

ขอบพระคุณที่ชีวิตยังมีหวัง
มีพลังพระพรพระเจ้าให้
มีเพื่อนฝูงมายมายผูกด้วยใจ
เลยทำให้ยิ้มได้ในทุกวัน
แม้ล้มลุกรู้ว่ามีคนคอยห่วง
แม้นติดบ่วงเข้าใจและสุขสันต์
รู้ว่าเรามีพระเจ้าองค์เดียวกัน
และเธอฉันจะร่วมกันแบ่งปันพร
เพิ่มอีกปีอายุน้อยลงเข้า
เหมือนดังเงาบอกเราเวลาสอน
ว่าวันนี้เราได้สร้างพระพร
ส่งคำสอนถึงคนอื่นหรือยัง
ฝากข้อคิดถึงเพื่อนทีประสพ
เราคงพบกันแน่ในสวรรค์
เชื่อวันนี้เรารับใช้ด้วยพลัง
เพราะความหวังเราอยู่ในพระเยซู

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ผ่านไป

ผ่านไปกับห้วงเวลา
เวลาคงไม่หยุดนิ่ง
ผ่านไปให้มันผ่านจริง
อย่าวิ่งกลับไปจุดเดิม

หาก

หากคืนและวันพาเราให้คุ้นเคย
หากลมชิดเชยพาเราให้ค้นหา
หากมีความรักเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา
คงได้รู้ว่ารักแท้มีอยู่จริง

กลอน

กระแสธารธาลินไหล
ผ่านหินกระทบสบก้อน
ดิ่งลงเสียงหยดสะท้อน
ดั่งกลอนพระเจ้าสร้างมา

หมอง

คืนค่ำย่ำเช้าเศร้ามอง
เหม่อมองสุดไกลปลายฟ้า
ทอดถอนหายใจโรยรา
เหมือนว่าเป้าหมายไม่มี

แต่เส้นขอบฟ้าวันใหม่
แลเห็นแสงทองสดสี
บอกว่าวันใหม่ยังมี
ผิดพลั้งลุกเดินต่อไป

อย่าเกร็ง

กำลังขี้หรือพี่กำลังตด
เอาให้หมดอย่าเกรงใจไอ้เพื่อนเอ๋ย
ปล่อยมาแล้วก็ให้เลยตามเลย
ทำไปเลยอย่าได้เกรงใจกัน
เพราะถ้ากั้กอาจต้องทนอยู่นาน
อย่าสันดานขมิบละเลียดผัน
ปล่อยทีเดียวหมดก๊อกให้รู้กัน
ว่าชีวันใครจะสิ้นให้รู้ไป

เรื่องขี้ๆ

สุขภาพดีต้องปวดขี้ทั้งเช้าค่ำ
เหมือนดั่งย้ำถ่ายสบายสุขกายหนา
และต้องขี้ดั่งตั้งตรงลงเวลา
ประหนึ่งว่าร่างกายถ่ยเทดี
ถ้าร้อนในมักจะขี้ไม่ค่อยคล่อง
ทะลุช่องอาจเห็นเป็นหลากสี
แสดงว่าระบบย่อยไม่ค่อยดี
จงฝึกขี้อย่างรู้ค่าจำไว้เอย

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

ใฝ่

ใฝ่รักใคร่คิดถึงคนึงจิต
ใฝ่รักให้ใกล้ชิดใจนาง
ใฝ่ฝันอยากหยอกเย้าไม่ห่าง
แม้เป็นหญ้าข้างทางหน้าบ้านเธอ

กลอนไม่จบ

นึกว่าลืมรักเราแต่ปางก่อน
นึกว่านอนฝันถึงคนอื่นเขา
นึกว่ามองไม่เห็นแม้นเสี้ยวเงา
แต่ถ้าเหงาเมื่อไหร่ก็โทรมา
เพราะยังรักอาทรและคำนึง
เพราะยังซึ้งตรึงใจใคร่ครวญหา
เพราะยังจ้องคาบสมุทรสุดธารา
สะท้อนว่าข้านี้มิลืมเลือน
รอยรักเก่าเล่าเราสลักจิต
รอยรักชิดตราจิตมิอาจเฉือน
รอยรักแนบทรวงจิตเฝ้าย้ำเตือน
เปรียบเสมือนนภาคู่ฟ้าดิน

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

อาจจะ

อาจจะเป็นชั่ววูบที่คิดถึง
อาจจะเป็นช่วงหนึ่งของชีวิต
อาจจะเป็นรอยต่อพรหมลิขิต
อาจจะนิดแต่รักไม่สร่างซา
คงเพราะเราพรั้งเผลอเกินห้ามใจ
คงเพราะในหัวใจแสวงหา
คงเพราะเธอชิดใกล้ให้เวลา
คงเพราะว่าเราเกิดมาเพื่อคู่กัน

เต้น

ร้องเล่นเต้นโยกย้ายส่ายทำนอง
เหลียวแลมองจ้องซ้ายบ่ายไปขวา
ย้อนจังหวะซอยเท้าเข้าเวลา
แสนหรรษาเต้นโลดสดุดี

เพี้ยน

ถ้าจะเพี้ยนก็คงเพี้ยนเรื่อง
มิอาจพักหัวใจไม่คิดถึง
เพราะว่ารักวนเวียนติดตราตรึง
แค่ครั้งหนึ่งก็ยากจะรางเรือน

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

ปากสันติ

นี่หรือคือสงบที่เรียกหา
สันติพาวาจากล่าวว่าไว้
แต่ก็รุกรานเขาวุ่นวายไป
ใครหนอใครบอกสันติวิธี



นี่หรือคือสันติที่เขากล่าว
หรือเพียงป่าวจากปากหากไม่ไช่
บุกตรงนู่นยึดนั่นวุ่นวายไป
ความฉิบหายหรือคือสันติธรรม

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

ชีพต่อชีพ

ชีพต่อชีพที่อยู่คือวิชา
สืบต่อมาจากครูสู่ลูกหลาน
ทางดำเนินเกลี่ยไว้ภัยแผ้วพาน
สร้างตำนานตราตรึงสลักใจ
ชนรุ่นต่อเรียนก่อตามรุ่นก่อน
ถ้อยคำสอนสอดสานธารสายใหม่
สิ่งดำรงคงอยู่คือสืบใจ
ส่งต่อไปทอดต่อทางวางทางคน

ไหล

หากแต่เพียงร้องไห้ไหลน้ำตา
คงจะหาประวิงเวลาอยู่ได้
ธุรีสู่ธุรีดินต่อไป
เหลือเพียงไว้คำนึงถึงก้าวตาม

ลาเอย

ปลิดปลิวสลัดชีพล่วงหล่น
คนหนอคนหายั้งอยู่นานไม่
กำเนิดเกิดสืบต่อส่งไม้จากไป
หนุนเลือดใหม่ร่ายต่อเสนาะความ

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

เพราะ

เพราะรักจึง ยอมตาย วายชีวี
เพราะรักนี้ เสด็จ ลงมาไถ่
เพราะรักนั้น สนอง ตอบอย่างไร
เพราะรักไง ออกไป บอกข่าวดี

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ผ่านเดือน

เดือนแห่งรักที่เวียนวนข้ามปี
หากฤดีชีวียังเปลี่ยวเหงา
ทอดเดียวดายข้างกายมีเพียงเงา
คงผ่านเราหอบเอาใจลอย
ล่องลมบนดลจิตดังติดปีก
ว่ายหลบหลีกวิเวกเศร้าเหงาหงอย
ตะวันลับสัปดาห์เวลาคอย
แม้เพียงน้อยอยากยลคนคู่กัน
จนเดี๋ยวนี้หาหากยังไม่เจอ
เพียงแต่เพ้อภาพเบลอมโนฝัน
ในห้วงลึกเฝ้ารอต่อนับวัน
ใครหนึ่งนั้นคงเกิดมาคู่จริง

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

แค่ V1

ทำใจเถิดผู้ชายแค่คนหนึ่ง
อาจไม่ซึ้งดังที่ใครคาดหวัง
แต่ขอบอกว่ารักเธอจริงจัง
โอ้ความหลังแรกเห็นเทหมดใจ

เกลอ

ไม่พบหน้าเธอมาก็นานอยู่
อยากจะรู้ตอนนี้สุขดีไหม
หากทุกร้อนฝากบอกกล่าวเร็วไว
จะส่งใจอธิษฐานเผื่อถึงเธอ
แม้ระยะอาจห่างกี่ล้านก้าว
แต่เรื่องราวเพื่อนเราจำเสมอ
ด้วยหลายครั้งยังคิดว่าอยากเจอ
รู้ไว้เกลอรอเจออยู่ที่เดิม

ย้อนหลังวันเกิด

ขอย้อนหลังเมื่อครั้งครบวันเกิด
จำเริญเถิดเกิดผลวันข้างหน้า
ขอให้รู้อีกปีที่เวียนมา
จะนำพาพระพรมาสู่เธอ

ตากับการมอง

บางครั้งการที่เรามองเห็นอย่างกระจ่าง
คือการพรางตาตัวเองจากความจริงที่เราควรรู้
การเห็นอาจเบี่ยงเบนการรับรู้ของเรา
จากความจริง
จากความเข้าใจ
จากคำตอบ
จนบางทีเราใช้การมองเห็น
เป็นการรับรู้คำตอบโดยไม่พยายามที่จะแสวงหาคำตอบ
แล้วมันต่างอะไรกับการที่เรามองไม่เห็น
ลองปิดตาของเราลงและรับรู้
ด้วยการสำผัส
เข้าใจและหยุดที่จะคิดไปเอง
จงใช้ตาให้มากขึ้น
แต่ไม่ใช่ใช้ตาเป็นคำตอบจนลืมว่าตัวเองมองเห็น
แท้แล้วกลายกลับเป็น"มองไม่เห็น"