วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

สุขก้าวเดิน

สุขสันต์วันคล้ายวันเกิด
กำเนิดสิ่งดีหลั่งไหล
ให้ทั่วถิ่นแคว้นแดนใด
สุขใจในการก้าวเดิน

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ห้ามพายุ

ตะวันบ่ายคล้อยทยอยเย็นย่ำสู่ค่ำรัตติกาล
ลมแผ้วพาลเอากลิ่มสาบไอทะเลที่คละคลุ่งอยู่ในสายหมอกลมหนาว
กลิ่นคาวตลบอบอวลเงียบสงัดเย็นเยียบ
เสียงคลื่นที่สอดประสานบรรเลงกล่อมจังหวะชัดในท้องน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล
เหมือนกับนาทีกาลได้หยุดลง ณ ห้วงเวลาแห่งนี้
เหมือนภาพรอยบรรจงเดิมที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาในความสงัดเงียบ
กลิ่นอันสงบเงียบได้เคลื่อนคล้อยลอยจากไป
ไอเกลือที่หนาวแน่นมวลน้ำที่สั่นเทา ระริกร่าย
คล้ายกับช่วงเวลาแห่งรัตติกาลอันสงบ
ได้ถูกสยบลงด้วยเสียงกัมปนาถกู่ก้องแห่งท้องนภา
แปรบปราบไปด้วยเส้นแสงตัดผ่านขอบฟ้าราวกับจะฉีกสมุทธาให้แยกอกจากกัน
คลืนคลางแรงลมโบกโยกเรือลำน้อยท่ามกลาง ผืนละครบทใหม่แห่งท้องทะเลที่เปลี่ยนไป
เสียงกระแทกโครมครามครอนเรือให้โยกไหวดั่งนกน้อยที่พลัดสู่ห้วงพายุใหญ่
ลูกเรือกระเด็นกระดอนออกจากแปลนอนที่ขึงพาดผ่านเสากระโดนใต้ท้องเรือ
เปรี้ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง
เสียงกู่ก้องแห่งพิโรธนภาถี่ยิบนำพาลูกเรืออีหลายคนให้ลืมตาตื่น
ความรุนแรงที่ทลายกำแพงแห่งความเชี่ยวกราดของประสบการณ์นานนับปีของเหล่าคนเรือ
เป็นไนยว่ามัจจุราชได้เคาะอยู่ที่หน้าโถมโรงนอนในเรือลำนี้แล้ว
ราวกลับราตรีที่ดับแสงยิ่งมืดเข้าอีกบีบลัดอารมณ์ให้ถอยวูบจมดิ่งสู่ความกลัวอันลึกเหลือคณา
แก้วในตาที่เบิกโพลงด้วยความหวาดผวา
เย็นเฉียบเยียบย้ำสู่ใจอันประหวั่นของเหล่าคนจรที่อิงอาศัยร่วมเดินทางมาในเรือลำนี้ด้วย
เสียงส่งร้อง ปองกระซิบกับเหล่า เทพฤทธิ์หลากวัฒนธรรมเริ่มขึ้น
ภาษาปนเปไปด้วยอารามแห่งความโศกที่เหมือนโลกได้ปฏิเสธนาวาลำนี้แล้ว
ทุกอย่างกระชับรุนแรงเข้าจนอาจทานทนได้
แต่ชายคนหนึ่งกลับยังคงหลับสนิทไร้ความกังวล
ราวกับธรรมชาติแวดล้อมเป็นเพียงบรรยากาศหนึ่งเท่านั้น
"พระอาจารย์ พระอาจารย์ โปรดช่วยเราเถิดเรากำลังจะตาย"
เสียงเล้าปลุกจากคนกลุ่มหนึ่งซึ่งรู้สึกเหมือนว่าตนขาดผู้นำ
ได้ส่งทอดอารมณ์หวาดผวาสู่ผู้ที่ถูกเรียกว่า"พระอาจารย์"
ชายผู้หลับสนิทลุกขึ้นก้าวเดินเหมือนเข้าใจเป้าหมายและจิตใจของเหล่าศิษย์ของเขา
มือและคำพูดได้ถูกกล่าวต่อบรรยากาศสี่ทิศที่ยังคงกรรโชกกู่ร้องไม่มีท่าจะเลิกลา
"............"
ความสงบเข้ามาเยือนพร้อมกับคำตักเตือนในเรื่องสายความเชื่อ
ที่คงจะตราตรึงใจในประสบการณ์ห้ามแผ่นฟ้าซึ่งนานาชนได้ประจักษ์ถึงความยิ่งใหญ่
ที่จะกล่าวต่อกันชั่วลูกชั่วหลาน
นามของพระอาจารย์คือ"เยซู"

เพราะเรา

เพราะ
เราขึ้นต้นด้วยตัวเอง
โดยลืมมองว่าขณะที่เราเผชิญปัญห
อีกหลายคน กลับไม่มีโอกาสเจอเหมือนเรา
อีกหลายคน ต้องนอนนับวันตาย
อีกหลายคน ต้องเลี้ยงท้องก่อน

ลองเริ่มต้นที่จะมองให้ไกลกว่าคำว่าตัวเองดีไหม
แล้วเราจะรู้ว่าเราจะทำอะไรได้อีกเยอะ

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

บทเรียนยาก

เพราะบทเรียนที่แท้จริงที่ง่ายต่อการจำนั้น
มักยากที่จะก้าวข้าม
และบทเรียนที่เราลืมได้ง่ายดายนั้น
คงง่ายที่จะผ่านพ้น
การกระทำสนองบทเรียนคือทางเลือกที่จะทำให้เราเรียนรู้ของจริง

คำขอโทษ

คำขอโทษง่ายๆอาจขาดซึ่งหัวใจ
ดังนั้นจงยากที่จะขอโทษเพื่อจะมีหัวใจอยู่ในคำนั้น
แล้วให้มันเป็นการคืนดีที่แท้จริง

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำตาหยดสุดท้าย

น้ำตาหยดสุดท้าจากขอบตาถูกปาดออกด้วยนิ้วชี้เรียวงาม
ย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อต้นปีก่อนที่
หญิงสาวต้องออกเดินทางออกจากบ้าน อู่ข้าวอู่น้ำ ประเทศอันเป็นที่รัก
บ้านเกิดอันมีความทรงจำมากมาย สู่เมืองที่ใหญ่กว่า ผู้คนพลุกพล่าน แออัดกว่า
แต่ก็เป็นทางเลือกของหัวใจอันบอบช้ำ
"ข้าว"เธอเลือกที่จะเดินทางสู่เส้นทางใหม่เพื่อหลีกหนีจากบรรยากาศที่คุ้นเคยสู่
คำว่าอนาคตซึ้งเธอไม่อาจนึกคิดได้
มายังดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมและความงามของสถาปัตยกรรม
ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ ทั้งเต็มไปด้วยนวัตกรรมอันสดใหม่ ทั้งศาสตร์และศิลป์ อันตระการ
สู่ความท้าทายที่จะลบ ความเจ็บปวดที่ถาโถมจนทำให้ คนที่เคยเป็นหญิงแกร่ง เข้มแข็ง ในอดีต
กลายเป็นคนที่เหม่อลอย ไม่อาจตระหนักในคุณค่าของชีวิตเหมือนเธอคนนั้นคนเดิมได้อีกต่อไป
นี่จึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ที่เธอเลือก
"ข้าว"เลือกที่จะเป็นผู้เยียวยาคราบน้ำตาแห่งการสูญเสีย
ของประชาชนผู้เจ็บปวดกับภัยพิบัติที่เกิดโดยน้ำมือของธรรมชาติ หรือที่คนบางกลุ่มเรียกว่าพระเจ้า
และผนวกผลสะท้อนแห่งอุทกภัยสู่การทำลายเทคโนโลยี แผ่ขยายรังสีที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์เอง
คร่าชีวิตและวิถีหลากหลายให้เปลี่ยนไป
เธอหวังว่าผลสะท้อนแห่งการเยียวยา จะนำไปสู่การกลับมาของ"ข้าว"คนเดิมอีกครั้ง
"ข้าว"เธอเป็นพยาบาลจบใหม่ด้วยดีกรีเกียรตินิยมและทำงานในโรงพยาบาลกลางเมืองหลวง
ของแผ่นดินที่ถูกขนานนามว่าเวนิสตะวันออก
ซึ่งเป็นโรงบาลอันมีชื่อเสียง เพราะแม้แต่ราชนิกูลราชวงศ์ ยังเข้ารับการรักษาที่นี่
อนาคตที่สดใสรอเธออยู่นี่คือภาพที่คนรอบข้าง พี่น้องผองเพื่อน ต่างชื่นชมและอิจฉาคละเคล้ากัน
เรื่องเริ่มขึ้นจาก เก้าอี้นั่งสบายสองตัวด้านหน้าในรถที่นั่งส่วนบุคคลคันงาม
เพลงคลอผสานเครื่องเสียงไพเราะดังเบาๆอยู่ภายใน สีขาวที่ถูกล้างมาอย่างใหม่เอี่ยม
เพื่อมารับ"ข้าว"ไปกินข้าวเย็นในวันนี้ ซึ่งน่าจะเป็นมื้อที่ใครๆอิจฉาเหมือนทุกวัน
ถ้าถ้อยคำคำหนึ่งไม่ถูกขับระบายออกมาจากสารถีผู้เงียบขรึม
กลับกลายเป็นฟ้าผ่าเข้ากลางใจที่เข้มแข็งของเธอ
"ข้าว.......ผมหมดรักคุณแล้ว"
.
.
.
.
ความเงียบเกาะกุมบุคคลทั้งสอง ทั้งที่รถยังคงวิ่งด้วยเสียงเครื่องสม่ำเสมอ เพลงบรรเลงต่อเนื่อง
เสียงแตรและคันเร่งของการจราจรในเมืองใหญ่ที่ยังคงเดิม
แต่รอยร้าวที่ถูกสร้างระหว่างคนทั้งสองได้ถูกเปลี่ยนไปเสียแล้ว
.
.
.
"คุณรู้ไหมว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่"
เสียงทุ้มลึกทำลายความเงียบที่เป็นเหมือนพรมกั้นระหว่างคนทั้งสอง
.
ความเงียบคือคำตอบสุดท้ายของเธอ
ไม่มีน้ำตา ไม่มีรอยยิ้ม มีแต่ความนิ่ง ซึ่งเกิดจากอารมณ์มากมายที่ถาโถม
ภาพรอยยิ้ม น้ำตา ทุกสิ่งย้อนมาหยุดอยู่ตรงวันหนึ่ง ของกลางปีที่ผ่านมา มันเป็นเดือนมิถุนาที่ข้ามผ่านกุมภา มากว่าสามเดือนแล้ว ของขวัญในมือ"ข้าว"ถูกส่งคืนด้วยคำพูดสั้นๆว่า"ผมไม่ชอบ"สองสามครั้ง
คำสั้นๆนี้สะท้อนเข้าไปภายในใจเธอปะทุอารมณ์ โกรธเบียดเบียนอารมณ์สำนึกผิดที่มีอยู่เดิม
เพราะเธอให้ของขวัญช้ากว่าวันเกิดจริงของชายหนุ่มเสียสิ้น
เหลือเพียงความคุกรุ่นที่ระเบิดเป็นเสียงโวยวาย ด้วยนิสัยมั่นใจของเธอ
ณ หน้าร้านเสื้อกลางห้างสรรพสินค้า ชื่อดังย่านกลางเมืองที่มีคนพรุกพร่าน
ในวันอาทิตย์ ตอนบ่ายค่อนไปทางเย็น ที่เต็มไปด้วยพนักงานบริษัท ครอบครัว นายจ้าง ลูกจ้าง
ที่เลือกวันสุดท้ายของสัปดาห์เป็นวันพักผ่อน
"ทำไม"คำที่ปนด้วยโทสะ"ทำไมเค้าตั้งใจเลือกให้ทำไมถึงปฏิเสธเค้า"
ภาพอดีตที่หมุนวนถูกหยุดลงตรงนี้
เหลือแต่ข้อคิดในใจ"ข้าว"และคำโต้เถียงเรื่องความอดทนของคนสองคน
ข้าวตระหนักได้ทันทีว่าคำที่เป็นเหมือนเหลี่ยมเพชรที่กระเทาะรอยร้าวให้บานปลายคือคำว่า
.
.
"แล้วคุณคิดว่าชั้นไม่รำคาญคุณหรือไง"
คำคำสุดท้ายที่หยุดบทสนทนาของคนทั้งสองในวันนั้น
ทุกอย่างเหมือนตั้งโปรแกรมไว้ดำเนินต่อจนจบวันที่คิดว่าเป็นวันธรรมดา
แต่กลับกลายมาเป็นคำตอบที่เงียบเชียบในวันนี้ของ"ข้าว"
.
.
ความเสียใจแล่นเข้ามาจุกอก คำพูดที่ตีบตันอยู่ในอก
และศักดิ์ศรีที่ค้ำคอเธออยู่ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปจนมีเสียงทำลายความเงียบอีกครั้ง
"เรายังเป็นเพื่อนกันนะผมยินดีไปรับไปส่งคุณเหมือนเดิม"
คำฟ้องผิดประดังเข้าสู่สี่ห้องหัวใจอย่างไม่อาจให้อภัยได้เลย
รถคันสวยจอดลงริมทางเท้าหน้าที่พักของ"ข้าว"
สีขาวเบลอค่อยๆ เลือนลางห่างออกไป ด้วยระยะทาง
และน้ำตาที่ล้นทะลักออกมาจากตาของเธออย่างมากมาย หยุดไม่ได้
ไม่รู้ว่าน้ำตาแห้งเมื่อไหร่
ไม่รู้ว่าวันคืนผ่านไปได้อย่างไร
ไม่รู้ว่าชีวิตในแต่ละวันดำเนินเช่นไร
แต่บรรยากาศรอบตัวยังคงเหมือนเดิม
เขายังคงทำหน้าที่เดิมไม่บกพร่อง คำพูดคุยเล็กน้อยระหว่างเดินทางยังเหมือนเดิม
แต่"ข้าว"ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
และแน่นอนผู้ที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือครอบครัวของ"ข้าว"
.
.
"ทำไมผอมอย่างนี้"
"ทำไมถึงเหม่อลอยไม่เหมือนเดิม"
"เป็นอะไรไป"
"ใครทำอะไร"
จากคำพูดธรรมดา ไปสู่คำด่าทอผู้ชายอันเป็นที่รักของเธอ
"กูบอกแล้วว่ามันเลว"
"มันไม่มีอะไรดีหรอก"
และคำหยาบ ยุแหย่ สบถ ที่ปะปนด้วยความห่วงใย และความรัก ที่บรรดาลเป็นอารมณ์โกรธ
คำแนะนำคำสอนมากมาย ถ้อยคำแห่งการชี้แนะมากมาย
พัดไหวและวนเวียนอยู่รอบตัวเธอเหมือนดั่งพายุ
ยังความรู้สึกให้เธอ ได้ยินเสียงสะท้อนเบาๆว่า "นี้คือบ้านที่อบอุ่นจริงเหรอ"
จม
ลึก
ลง
สู่
ความเหงาและการดูถูกตัวเอง
"ทำไมฉันเลวอย่างงี้"
"ทำไมฉันถึงพูดอย่างนั้น"
"ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงหัวอกเขาบ้าง"
"ทำไมฉันถึงเลวอย่างนี้"
เหล่านี้นำเธอสู่การลาออก และนำสู่เขาวงกตวกวนจนเหมือนจะปิดตาให้บอดสนิท
เรื่อยๆ คือการดำรงชีวิตเธอในช่วงนี้ของชีวิตซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้กับคนอย่าง"ข้าว"
.
.
พี่เข้าใจมืออุ่นๆ หนาๆ แตะที่แผ่นหลังของเธอด้วยการสวมกอด
"ไหนเล่าให้พี่ฟังซิ"
คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาพร้อมน้ำตาที่เหมือนจะหยุดไหลไปนานแล้วของเธอ
"แล้วข้าวจะแก้ไขยังไง"
"ไม่รู้" คำตอบสั้นๆจากข้าว
"อยากขอโทษเขาไหม"คำพูดที่เธออยากได้ยินและเป็นความรู้สึกนับตั้งแต่วันที่เธอได้ยินคำฟ้าฝ่านั้น
การสนทนาที่เต็มไปด้วยการรับฟังนำพาแสงสว่างริบหรี่ที่เป็นเสมือนแสงในวังวนนี้
ก่อเกิดการตัดสินใจทำบางอย่างของข้าว
ความคิดที่จะเปลี่ยนบางอย่างเกิดขึ้นเธอตัดสินใจจะเดินทางไปเมืองนอกเพื่อหลีกหนีปัญหานี้อยู่แล้ว
ผ่านการตัดสินใจแบบลับๆของเธอ
แต่ก่อนการเดินทางครั้งนี้ได้นำพาเธอสู่การนัดพบ และการพูด"ขอโทษ"
ด้วยความสำนึกผิดมากมายที่ปิดซ้อนเอาไว้ระหว่างที่คบกับชายหนุ่ม ทั้งหมดที่ผ่านมา
ทุกอย่างดำเนินไป แต่สิ่งที่ได้มาคือคำถามสั้นๆ
"มันจะเปลี่ยนคุณได้จริงเหรอ"
ตามมาด้วยความเงียบจนถึงวันเดินทาง
.
เขาคนนั้นไม่ได้มาส่งเธอในวันนี้
เนื่องจากติดงานสำคัญของบริษัทก่อสร้างและจัดสรรที่ดินแห่งใหญ่ที่เขาทำงานอยู่
มีแต่การโอบกอดของคนในครอบครัวและคำพูดให้กำลังใจ
ซึ่งที่เป็นกำลังใจได้ดีที่สุดคงเป็นของพี่ชายที่ไม่ได้มาส่งเธอที่สนามบินในวันนี้
แต่เป็นคำพูดในตอนเช้ามืดก่อนมาขึ้นเครื่องว่า
"ไม่เป็นไรสิ่งที่เราอยากทำ และสิ่งที่ควรทำเราทำทั้งหมดและดีที่สุดแล้ว อย่าคิดมาก"
.
.
คำพูด
บทเรียน
เรื่องราว
การงานในที่ใหม่
น้ำตาที่ยังคงสูญเสียให้กับช่วงเวลาอดีตของชีวิด
ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์
สลับกับความเศร้าที่เกิดจากความเอาแต่ใจของเธอ
การร้องไห้ที่ยังคงอยู่
อารมณ์เหม่อลอยที่ถูกสะกิดหลายครั้ง
ความเหนื่อยล้า
การนอนหลับสนิท
วันที่นอนไม่หลับ
สังคม
เพื่อน
คำปลอบ
คำด่า
รอยยิ้ม
เสียงหัวเราะ
.
เสียงเรียกของพนักงานสนามบินดังขึ้นพร้อมเสียงโทรศัพท์
การพูดคุยกับเพื่อน ซึ่งคือคนที่ทำให้เธอเปลี่ยนจังหวะการใช้ชีวิต
คำพูด ตารางนัดหมาย
และการตัดบทสนทนาเพื่อรีบทำตามคำแนะนำของพนักงานสนามบิน
ตอนนี้เธอนั่งผ่อนคลายอยู่บนเครื่องที่พร้อมจะเทคออฟ
นำพาเธอข้ามท้องนภาผืนเดิม
เธอปาดน้ำตาแห่งความปีติ และความคิดถึง
ที่เต็มไปด้วยมุมมองใหม่ของชีวิต
ข้ามฟ้านำเธอกลับบ้าน
ประสบการณ์มากมายที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดหนึ่งปีในต่างแดน
จะไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เลยหากเธอไม่เข้าใจ
คำคำนี้
"แม้ว่าเราจะเปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัวได้ แต่ใจเราไม่เปลี่ยน ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

ล้น

เจริญเถิดเกิดผลล้นและเหลือ
ได้เอื้อเฟื้อเผื่อให้คนอื่นเขา
ให้พรหลั่งท่วมท้นเกินรับเอา
จนต้องเบด้วยแบ่งสู่ปวงชน

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ชื่น

ชื่นใจในพระพรที่ทรงค่า
ชื่นชมในบัญชาพระผู้ไถ่
ชื่นจิตด้วยผองมิตรเดินร่วมใจ
ชื่นไชยในพระนามพระเยซู

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

วันพิเศษ

วันธรรมดาวันหนึ่งเราอาจทำให้เป็นวันพิเศษได้
เพียงเราไม่ทำเพื่อตัวเองผู้เดียว

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

กำเนิดพร

มีวันดีวันเกิดกำเนิดพร
ธารพระกรหลั่งรินหนุนนำให้
พบสิ่งดีในทุกก้าวต่อไป
บทเรียนใหม่หนุนน้ำใจเป็นพรเอย

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

วันเกิดเธอ

รอเวลาใกล้เข้าถึงวันใหม่
เพื่อส่งใจอวยพรในวันนี้
พระเจ้านำให้พบแต่สิ่งดี
เพราะวันนี้วันคล้ายวันเกิดเธอ

เพลง

ถ้าเศร้าก็ฟังเพลงสุข
เพราะทุกข์ทำให้เหนื่อยใจ
จมอยู่กับมันทำไม
หัวใจก็ของเราเอง

โสด สด

ผมสามารถสละ"โสด"กับผ้หญิงคนไหนก็ได้
แต่ผมจะสละะ"สด"ก็ต่อเมื่อการวิวาห์อย่างถูกต้องผูกเราเข้าด้วยกัน

ตรงนี้

หากวันนี้ตรงนี้เธอยืนอยู่
ฉันไม่รู้ว่าจะอยู่ในท่าไหน
เพราะเลือดฉีดกระแทกลิ้นหัวใจ
แทบจะไหลละลายน่ารักเกิน

เวียน


กลอนป่าวข่าวแว่วเสียงสำเนียงซึ้ง
ให้ตราตรึงห้วงจิตพิศมัย
ด้วยเรื่องรักปักหลักหนักหัวใจ
ถ่วงภายในให้หลงพะวงเวียน

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

คำพูด

คำพูด สร้างมิตรและศัตรู
คำพูด สร้างบ้านและทำลาย
คำพูด สร้างความเข้าใจและรอยร้าวฉาน
คำพูด สร้างแรงจูงใจและความรังเกลียด
คำพูด สร้างคนและฆ่าคน
จงรักที่จะ"พูด"อย่างรู้ค่าไม่ใช่สักแต่จะ"พูด"

สุดท้าย

หากวันนี้เป็นหนึ่งวันสุดท้าย
คงแบกกายที่เต็มด้วยคิดถึง
ไปคอยเฝ้าสารภาพคำคำหนึ่ง
แนบตราตรึงคำว่าผมรักคุณ

เปลี่ยนเป็นศูนย์

เราสามารถ
เปลี่ยนเสื้อ
เปลี่ยนสีผม
เปลี่ยนงาน
เปลี่ยนที่อยู่
เปลี่ยนประเทศ
เปลี่ยนวัฒนธรรม
แต่ถ้าใจเราไม่เปลี่ยน"ที่เปลี่ยนก็ศูนย์-ป่าว"

อายุ

มันอาจเป็นก้าวใหม่อีกครั้งหนึ่
อีกครั้งซึ่งย้ำเตือนอายุฉัน
ว่าผ่านผันเวลาและคืนวัน
ที่ผูกพันธ์รักจากพระเยซู