วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

มลทิน

มลทิน คำที่ใช้เรียกสิ่งของ หรือสิ่งที่ถูกห้ามมิให้ชนชาติปฏิบัติ ซึ่งพระเจ้าทรงระบุสิ่งเหล่านี้เพื่อให้มนุษย์รู้ถึงความยุติธรรมของพระเจ้า ว่าพระองค์มีกฏ แต่นั้นหาเป็นสิ่งที่กักเราให้อยู่ในกรอบไม่ มันคือข้อปฏิบัติที่เป็นคุณแก่เราและ เพื้อชี้นำเราไม่ให้นอกลู่นอกรอย แต่มนุษย์(ธรรมจารย์ ฟาริสี)บางคนกลับนำพระวจนะของพระเจ้ามาเพื่อสร้างประโยชน์แก่ตน และเอาเปรียบผู้อื่น ดังนั้นพระเยซูจึงชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นมลทินที่จริงแล้ว คือสิ่งที่อยู่ข้างในมนุษย์ ซึ่งไม่รู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่ อาจจะออกมาเป็นการกระทำ วาจา ซึ่งสามารถทำลายผู้อื่นได้ ต่างจากสิ่งที่เรารับเข้าไป ถ้าเรารู้จักที่จะเลือกสิ่งที่เป็นโทษก็จะเป็นเพียงแต่กับตัวเราเท่านั้น และแน่นอนเรารู้ดีว่าเราควรจะเลือกรับสิ่งใดเข้าไป ของที่รับจึงไม่ใช่สิ่งที่เป็นมลทินแต่ของที่ออกมาต่างหากคือสิ่งที่เป็นมลทิน เพราะถ้าเราจะพูดว่าสิ่งนี้ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าแล้วเรายังรับเข้าไป ตัวขับเคลื่อนที่ทำให้เรารับเข้าไปนั่นมิใช่หรือที่มาจากภายใน อย่าปล่อยให้ภายในเราทำลายตนเอง เปิดใจของเราเพื่อพระเจ้าจะชำระข้างในแล้วออกมาสู่ข้างนอก ขอบคุณพระเจ้า


มลทินนั้น หากมา จากภายนอก
ในใจหรอก ที่สร้าง แรงจูงหัน
เบนตัวเรา ให้ออก จากธรรมนั้น
และยึดมัน ไว้แน่น มิปล่อยคลาย
กลั่นเป็นการ กระทำ และวาจา
ออกต่อหน้า สร้างดี หรือสิ่งร้าย
มลทินนั้น หรั่งออก จากใจกาย
นี้คือหมาย ความจริง จงเข้าใจ
สิ่งที่กิน ดื่มไป แค่มวลสาร
โปรดอย่าพาล โทษผิด ไปไหนไหน
แต่ให้รู้ ตรึกคิด อยู่ภายใน
ทำอย่างไร จะล้าง บาปกรรมเลว
คือวิงวอน ขอการ ทรงชำระ
พระวาทะ เข้ามา ฉุดจากเหว
ลึกข้างใน กระจ่าง ประดุจเปลว
จากหุบเหว สู่สว่าง โดยพระคุณ

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

มั่นใจรัก

โรม 8:31-39

"ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา"(โรม 8:31)
ความเชื่อมั่นในความรอด ในการทำงาน ในการใช้ชีวิตของคริสตชนต่างออกไป แม้ปัญหาก็มิใช่เรื่องที่จะทำให้เราต้องพังพินาศ เรารู้ว่า พระเจ้าอยู่กับเราและหลักฐานอันสำคัญ ที่ทำให้เรามั่นใจได้คือ
1.พระเจ้าทรงประทานพระบุตรที่รักมาเพื่อเรา แน่นอนว่าสิ่งสารพัดพระเจ้าทรงประทานให้เราแน่(32)
2.แน่นอนว่าเราจะรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เราผิดพลาด แต่พระสัญญาทของพระเจ้า กลับเตือนเราให้รู้ว่าสิ่ง
ที่ฟ้องอยู่ในตัวเรานั้นไม่ได้แปรว่าพระองค์ไม่ทรงชำระ พระองค์ทรงชำระแล้ว อย่าให้บาปล่อลวงอีก
พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้แล้ว
3.โทษบาปของเราพระองค์ทรงยกแล้ว ด้วยการสิ้นพระชนต์ของพระคริสต์
4.พระเยซูยังทรงฟื้นพระชนต์เพื่อบอกถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์
5.พระเยซูยังทรงอธิษฐานเผื่อเราเสมอ แน่นอนว่าเราจะไม่ขาดความรักของพระคริสต์เลย

เพราะฉนั้นจงมั่นใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป แต่เป็นหนทางที่จะทำให้เรามีชัยชนะ เพราะความลำบากนั่นเองคือสะพานที่ทอด ระหว่างเรากับพระเจ้า ความลำบากทำให้เรารู้ว่าความสุขคืออะไร และเราสามารถรู้ถึงการช่วยเหลือจากพระเจ้าได้ เพราะความลำบากทำให้เราต้องหาที่พึ่ง ซึ่งก็คือพระเจ้าของเรานั่นเอง เราจึงต้องมั่นใจในความรักของพระเจ้าที่ไม่เคยขาดจากเรา เพราะพระเจ้ายังอยู่กับเราเสมอ


" มั่นใจเถิดรักนั้นอยู่เคียงข้าง
แม้หนทางหากเจอขวากขวางกั้น
แต่นั้นคือสะพานเชื่อมสัมพันธ์
เพื่อให้ฉันแสวงหาพระองค์
และได้รู้พระคุณซึ่งอยู่ด้วย
ประคองช่วยอุ้มชูไม่ให้หลง
อุปสรรคคือทางเส้นสายตรง
ให้เราคงอธิษฐานวิงวอน
อาจทอดถอนหัวใจในบางครั้ง
แต่คงยังมั่นใจในหลักสอน
เพราะทุกครั้งพบทุกข์ถูกตัดทอน
ยังคงนอนยิ้มได้ในพระคุณ"

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

ลับพระคำ

อาวุธที่สำคัญของเราคริสตชนคือพระแสง หรือพระคัมภีห์นั้นเอง การที่เราท่องข้อพระคำทุกวันก็เหมือนกับการได้ลับมีด ต้องหมั่นย้ำซ้ำไปซ้ำมาถึงจะทำให้คม และป้องกันเราจากมาร หรือคำถามบางคำถามที่เราจะตอบได้อย่างมั่นใจ การลับพระคำในที่นี้หมายถึงการท่องที่จะทำ ซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้ดาบของเราคมต่อสู้กับกระแสโลกได้อย่างไม่กลัวเกรง เหมือนกับที่พระเยซูทรงเป็นแบบอย่าง ในการเผชิญการทดลอง ของมารที่ล่อลวงต่างๆ พระองค์ไม่ได้ใช้การพูดที่มาจากความคิดส่วนตัว แต่พระองค์เลือกที่จะใช้พระวจนะของพระเจ้าในการต่อสู้ เช่นกันเราจะต่อสู้กับโลกโดยใช้ตัวเราเป็นที่ตั้ง หรือใช้พระวจนะและฤทธิเดชที่พระเจ้าให้ในการต่อสู้ นี่คือตัวอย่างของชีวิตพระเยซู ที่แม้พระองค์จะมีสิทธิอำนาจ พระองค์ยังคงใช้พระคำของพระเจ้านำ เพราะฉะนั้นตัวอย่างมีแล้วเราจึงควรทำตาม


ลับพระแสงให้พร้อมอยู่เสมอ
มิพลั้งเผลอมารร้ายจ้องแลเหลียว
พร้อมจะพาเราออกจากทางเดียว
เพื่อจะเคี้ยวเราให้มรณา
เราจำเก็บพระคำไว้ให้มั่น
เพื่อวันนั้นสู้ได้ด้วยใจกล้า
พร้อมด้วยฤทธิ์เดชองค์พระบิดา
ก้าวข้างหน้าโดยพระคำนำทาง

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

สองสี(ระบาย)

ใส่เสื้อเหลืองแล้วแอบเคืองเหล่าเสื้อแดง
ดั่งแมลงไร้ซึ่งการศึกษา
นับถือเงินมากกว่ามีศรัทธา
ใครจะว่าขอข้าใช้กำลัง

บุกทางซ้ายทลายไปทางขวา
ในวาจามีเพียงแต่สบถสัง(วาจ)
ปัญญามีแต่เลือกใช้แต่พลัง
จะหยุดยั้งเมือ่ไหร่มิรู้เลย

คงต้องรอให้ประเทศล้มสลาย
แล้วค่อยคลายอารมณ์หยุดนิ่งเฉย
ส่วนตัวผมคงต้องปล่อยเลยตามเลย
ธงชาติเอยคงเหลือสองสีทา

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552

วันเกิด

คงไม่มีเสียงใดสะท้อนกลับ
เพื่อกระชับสัมพันธ์กันวันนี้
แต่ขอบอกว่าเราแสนยินดี
ที่วันนีขอHap-py BirthDay

ไปเรื่อย

ชิวปลิวเย็นเร้นร่ายพรายสายลม
ฉุดอารมณ์กลมกล่อมล้อมแสงสี
อยู่เมืองกรุงเริงเล่นคงสุขดี
แต่ทางนี้ร้อนมากอยากจะตาย

อยากให้เป็นดังเช่นที่ว่าไว้
เพื่อจะได้สุขเย็นรื่นสบาย
แต่คงเป็นเพียงฝันที่สูญหาย
เพราะข้างกายไม่มีคนเล่นด้วยกัน

เอาเป็นว่าให้เธอสุขเพราะสีแดง
ถือพระแสงปิดถนนกันอยู่นั่น
อยากให้เธอลองไปเล่นกับพวกนั้น
คงสุขสันต์อีกแบบไปลองดู

แล้วยังไงก็ขอให้บอกต่อ
คือคำขอของคนที่อดสู
ต้องอยู่เดียวเดี่ยวโดดเหงาหน้าดู
บอกให้รู้อยากให้เธอเป็นห่วงกัน

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

ถาม

อยู่ส่วนไหนที่ใดของโลกนี้
ช่วยบอกพี่ได้ไหมเพราะคิดถึง
เป็นไงบ้างสุขทุกข์ยังคำนึง
อยากให้ซึ้งฉันจึงถามไถ่มา

alone

เปลี่ยวเอกาดังม้าไร้บังเหียน
เดินวนเวียนเปลี่ยนผันน่าใจหาย
มองคนอื่นเขามีคู่เคียงกาย
ที่เดียวดายคงมีฉันคนเดียว

แห้ว1

เธอดูดีเสียทีมีแฟนแล้ว
ต้องกินแห้วนั่งแกล่วน่าปวดหัว
อยากให้เธอเป็นโรคหัวใจรั่ว
แบ่งให้ทั่วทุกคนที่หลงเธอ

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

อกหัก2

ใจร้าวรวดปวดแสบและปวดร้อน
ยามจะนอนทอดถอนหอนทรวงหนัก
โอ้ด้วยรักปักในต้องมาหัก
รินล่วงรักร้างไกลโหยหวนคืน
ย่ำกี่ตื่นกี่คืนสุดฝืนไหว
หาลุกได้ร่างกายมิอาจฟื้น
ช้ำข้างในซ่อนไว้ในค่ำคืน
แล้วกล้ำกลืนสู่เช้าก้าวต่อไป

เอาน่า

อกหักนั้นทำใจแสนจะยาก
ด้วยต้องจากพรากรักที่เคยใกล้
แต่ชีวิตก็ต้องสู้กันต่อไป
ตะวันใหม่จะสดใสยิ่งกว่าเดิม

ดินดิน

คนดินดินหมายปองช่อดอกฟ้า
เพราะหวังว่าซักวันเธอแลเห็น
สู้ตากแดดทนลมเช้าจรดเย็น
เพียงแค่เห็นเป็นเธอก็ชื่นใจ
แม้แค่ฝันมันก็มีความสุข
มิยอมปลุกลืมตามาแก้ไข
เพราะมอบหมดสี่ห้องให้เธอไป
จะยังไงขอจำภาพก็พอ
เพราะเธอสูงยิ่งห่างยิ่งไกลเข้า
ย้อนดูเราคงเศร้าเหงาร่อยหลอ
ย่ำกับที่จุดเดิมชีพชะลอ
คงไม่พอเทียบเธอที่ฝากใจ
นับวันห่างเหมือนอยู่สุดจะเอื้อม
ดุจบ่วงเชื่อมตึงติดหมดทางหนี
เธอสูงขึ้นฉันเท่าเดิมไกลทุกที
แล้วจะมีไหมวันนั้นที่รอคอย

เสม็ด

ท่องทะเลเที่ยวไทยขี่เรือกล้วย
น้ำฟ้าสวยนวยนาดหาดสีใส
ขอต้อนรับสู่เสม็ดเด็ดบ้านใกล้
จากดวงใจของเราชาวระยอง

อัมพวา


" อัมพวาตัวข้าแวะเวียนถึง
ในคำนึงกึ่งเหงาเขลาหนักหนา
เห็นเรือผ่านแหวกว่ายธารธารา
ย้อนดูข้าหาหากได้แหวกเวียน

เมื่อมองเรือคู่น้ำช้ำใจนัก
ตัวข้าจักไร้คู่มาเคียงเขียน
บรรจงรายร้อยกรองมองคลื่นเวียน
ใครจะเขียนคำรักข้างกายกัน

แต่มิคิดหมางใจให้คนเศร้า
ชื่นใจเอาธรรมชาติที่รังสรรค์
มองผู้คนขวักไขว่นับร้อยพัน
และกลุ่มควันโชยกลิ่นร้านในเรือ

ลงบันไดชิดชมตามริมท่า
สุขหนักหนารอยยิ้มดุจคำเชื้อ
ชวนให้ชิมมองสินค้าจัดบนเรือ
ว่ามีเจือให้รับทรัพย์เปลี่ยนกัน

อีกเช่าตรู่มองเห็นคนตักบาตร
คนถือถาดประเคนมอบส่งขัน
ทั้งข้าวแกงถ้วยเถือลงเรือนั่น
ดวงตะวันสาดส่องแสงอ่อนโชย

โปรยด้วยหมอกยามเช้าเย็นระรื่น
ด้วยดาดดื่นนกน้อยวิโหวกโหวย
ถลาเล่นเร้นแดดบินโบกโบย
ได้กอบโกยสุขเช้าเล่ากันฟัง

เพราะไม่นานตัวข้าจำต้องจาก
ดั่งมิคงสังขาลอยู่ยืนยั้ง
ต้องกลับสู่มาตุภูมิสู่แรมรัง
มิอาจรั้งหยั่งหยุดการเวลา

จึงขอเก็บเรื่องเราเหล่าดีไว้
ในหัวใจหวนคิดพิศรักษา
มโนจำเก็บไว้เมื่อมองฟ้า
อัมพวาข้านี้เคยมาเยือน"