น้ำตาหยดสุดท้าจากขอบตาถูกปาดออกด้วยนิ้วชี้เรียวงาม
ย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อต้นปีก่อนที่
หญิงสาวต้องออกเดินทางออกจากบ้าน อู่ข้าวอู่น้ำ ประเทศอันเป็นที่รัก
บ้านเกิดอันมีความทรงจำมากมาย สู่เมืองที่ใหญ่กว่า ผู้คนพลุกพล่าน แออัดกว่า
แต่ก็เป็นทางเลือกของหัวใจอันบอบช้ำ
"ข้าว"เธอเลือกที่จะเดินทางสู่เส้นทางใหม่เพื่อหลีกหนีจากบรรยากาศที่คุ้นเคยสู่
คำว่าอนาคตซึ้งเธอไม่อาจนึกคิดได้
มายังดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมและความงามของสถาปัตยกรรม
ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ ทั้งเต็มไปด้วยนวัตกรรมอันสดใหม่ ทั้งศาสตร์และศิลป์ อันตระการ
สู่ความท้าทายที่จะลบ ความเจ็บปวดที่ถาโถมจนทำให้ คนที่เคยเป็นหญิงแกร่ง เข้มแข็ง ในอดีต
กลายเป็นคนที่เหม่อลอย ไม่อาจตระหนักในคุณค่าของชีวิตเหมือนเธอคนนั้นคนเดิมได้อีกต่อไป
นี่จึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ที่เธอเลือก
"ข้าว"เลือกที่จะเป็นผู้เยียวยาคราบน้ำตาแห่งการสูญเสีย
ของประชาชนผู้เจ็บปวดกับภัยพิบัติที่เกิดโดยน้ำมือของธรรมชาติ หรือที่คนบางกลุ่มเรียกว่าพระเจ้า
และผนวกผลสะท้อนแห่งอุทกภัยสู่การทำลายเทคโนโลยี แผ่ขยายรังสีที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์เอง
คร่าชีวิตและวิถีหลากหลายให้เปลี่ยนไป
เธอหวังว่าผลสะท้อนแห่งการเยียวยา จะนำไปสู่การกลับมาของ"ข้าว"คนเดิมอีกครั้ง
"ข้าว"เธอเป็นพยาบาลจบใหม่ด้วยดีกรีเกียรตินิยมและทำงานในโรงพยาบาลกลางเมืองหลวง
ของแผ่นดินที่ถูกขนานนามว่าเวนิสตะวันออก
ซึ่งเป็นโรงบาลอันมีชื่อเสียง เพราะแม้แต่ราชนิกูลราชวงศ์ ยังเข้ารับการรักษาที่นี่
อนาคตที่สดใสรอเธออยู่นี่คือภาพที่คนรอบข้าง พี่น้องผองเพื่อน ต่างชื่นชมและอิจฉาคละเคล้ากัน
เรื่องเริ่มขึ้นจาก เก้าอี้นั่งสบายสองตัวด้านหน้าในรถที่นั่งส่วนบุคคลคันงาม
เพลงคลอผสานเครื่องเสียงไพเราะดังเบาๆอยู่ภายใน สีขาวที่ถูกล้างมาอย่างใหม่เอี่ยม
เพื่อมารับ"ข้าว"ไปกินข้าวเย็นในวันนี้ ซึ่งน่าจะเป็นมื้อที่ใครๆอิจฉาเหมือนทุกวัน
ถ้าถ้อยคำคำหนึ่งไม่ถูกขับระบายออกมาจากสารถีผู้เงียบขรึม
กลับกลายเป็นฟ้าผ่าเข้ากลางใจที่เข้มแข็งของเธอ
"ข้าว.......ผมหมดรักคุณแล้ว"
.
.
.
.
ความเงียบเกาะกุมบุคคลทั้งสอง ทั้งที่รถยังคงวิ่งด้วยเสียงเครื่องสม่ำเสมอ เพลงบรรเลงต่อเนื่อง
เสียงแตรและคันเร่งของการจราจรในเมืองใหญ่ที่ยังคงเดิม
แต่รอยร้าวที่ถูกสร้างระหว่างคนทั้งสองได้ถูกเปลี่ยนไปเสียแล้ว
.
.
.
"คุณรู้ไหมว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่"
เสียงทุ้มลึกทำลายความเงียบที่เป็นเหมือนพรมกั้นระหว่างคนทั้งสอง
.
ความเงียบคือคำตอบสุดท้ายของเธอ
ไม่มีน้ำตา ไม่มีรอยยิ้ม มีแต่ความนิ่ง ซึ่งเกิดจากอารมณ์มากมายที่ถาโถม
ภาพรอยยิ้ม น้ำตา ทุกสิ่งย้อนมาหยุดอยู่ตรงวันหนึ่ง ของกลางปีที่ผ่านมา มันเป็นเดือนมิถุนาที่ข้ามผ่านกุมภา มากว่าสามเดือนแล้ว ของขวัญในมือ"ข้าว"ถูกส่งคืนด้วยคำพูดสั้นๆว่า"ผมไม่ชอบ"สองสามครั้ง
คำสั้นๆนี้สะท้อนเข้าไปภายในใจเธอปะทุอารมณ์ โกรธเบียดเบียนอารมณ์สำนึกผิดที่มีอยู่เดิม
เพราะเธอให้ของขวัญช้ากว่าวันเกิดจริงของชายหนุ่มเสียสิ้น
เหลือเพียงความคุกรุ่นที่ระเบิดเป็นเสียงโวยวาย ด้วยนิสัยมั่นใจของเธอ
ณ หน้าร้านเสื้อกลางห้างสรรพสินค้า ชื่อดังย่านกลางเมืองที่มีคนพรุกพร่าน
ในวันอาทิตย์ ตอนบ่ายค่อนไปทางเย็น ที่เต็มไปด้วยพนักงานบริษัท ครอบครัว นายจ้าง ลูกจ้าง
ที่เลือกวันสุดท้ายของสัปดาห์เป็นวันพักผ่อน
"ทำไม"คำที่ปนด้วยโทสะ"ทำไมเค้าตั้งใจเลือกให้ทำไมถึงปฏิเสธเค้า"
ภาพอดีตที่หมุนวนถูกหยุดลงตรงนี้
เหลือแต่ข้อคิดในใจ"ข้าว"และคำโต้เถียงเรื่องความอดทนของคนสองคน
ข้าวตระหนักได้ทันทีว่าคำที่เป็นเหมือนเหลี่ยมเพชรที่กระเทาะรอยร้าวให้บานปลายคือคำว่า
.
.
"แล้วคุณคิดว่าชั้นไม่รำคาญคุณหรือไง"
คำคำสุดท้ายที่หยุดบทสนทนาของคนทั้งสองในวันนั้น
ทุกอย่างเหมือนตั้งโปรแกรมไว้ดำเนินต่อจนจบวันที่คิดว่าเป็นวันธรรมดา
แต่กลับกลายมาเป็นคำตอบที่เงียบเชียบในวันนี้ของ"ข้าว"
.
.
ความเสียใจแล่นเข้ามาจุกอก คำพูดที่ตีบตันอยู่ในอก
และศักดิ์ศรีที่ค้ำคอเธออยู่ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปจนมีเสียงทำลายความเงียบอีกครั้ง
"เรายังเป็นเพื่อนกันนะผมยินดีไปรับไปส่งคุณเหมือนเดิม"
คำฟ้องผิดประดังเข้าสู่สี่ห้องหัวใจอย่างไม่อาจให้อภัยได้เลย
รถคันสวยจอดลงริมทางเท้าหน้าที่พักของ"ข้าว"
สีขาวเบลอค่อยๆ เลือนลางห่างออกไป ด้วยระยะทาง
และน้ำตาที่ล้นทะลักออกมาจากตาของเธออย่างมากมาย หยุดไม่ได้
ไม่รู้ว่าน้ำตาแห้งเมื่อไหร่
ไม่รู้ว่าวันคืนผ่านไปได้อย่างไร
ไม่รู้ว่าชีวิตในแต่ละวันดำเนินเช่นไร
แต่บรรยากาศรอบตัวยังคงเหมือนเดิม
เขายังคงทำหน้าที่เดิมไม่บกพร่อง คำพูดคุยเล็กน้อยระหว่างเดินทางยังเหมือนเดิม
แต่"ข้าว"ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
และแน่นอนผู้ที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือครอบครัวของ"ข้าว"
.
.
"ทำไมผอมอย่างนี้"
"ทำไมถึงเหม่อลอยไม่เหมือนเดิม"
"เป็นอะไรไป"
"ใครทำอะไร"
จากคำพูดธรรมดา ไปสู่คำด่าทอผู้ชายอันเป็นที่รักของเธอ
"กูบอกแล้วว่ามันเลว"
"มันไม่มีอะไรดีหรอก"
และคำหยาบ ยุแหย่ สบถ ที่ปะปนด้วยความห่วงใย และความรัก ที่บรรดาลเป็นอารมณ์โกรธ
คำแนะนำคำสอนมากมาย ถ้อยคำแห่งการชี้แนะมากมาย
พัดไหวและวนเวียนอยู่รอบตัวเธอเหมือนดั่งพายุ
ยังความรู้สึกให้เธอ ได้ยินเสียงสะท้อนเบาๆว่า "นี้คือบ้านที่อบอุ่นจริงเหรอ"
จม
ลึก
ลง
สู่
ความเหงาและการดูถูกตัวเอง
"ทำไมฉันเลวอย่างงี้"
"ทำไมฉันถึงพูดอย่างนั้น"
"ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงหัวอกเขาบ้าง"
"ทำไมฉันถึงเลวอย่างนี้"
เหล่านี้นำเธอสู่การลาออก และนำสู่เขาวงกตวกวนจนเหมือนจะปิดตาให้บอดสนิท
เรื่อยๆ คือการดำรงชีวิตเธอในช่วงนี้ของชีวิตซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้กับคนอย่าง"ข้าว"
.
.
พี่เข้าใจมืออุ่นๆ หนาๆ แตะที่แผ่นหลังของเธอด้วยการสวมกอด
"ไหนเล่าให้พี่ฟังซิ"
คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาพร้อมน้ำตาที่เหมือนจะหยุดไหลไปนานแล้วของเธอ
"แล้วข้าวจะแก้ไขยังไง"
"ไม่รู้" คำตอบสั้นๆจากข้าว
"อยากขอโทษเขาไหม"คำพูดที่เธออยากได้ยินและเป็นความรู้สึกนับตั้งแต่วันที่เธอได้ยินคำฟ้าฝ่านั้น
การสนทนาที่เต็มไปด้วยการรับฟังนำพาแสงสว่างริบหรี่ที่เป็นเสมือนแสงในวังวนนี้
ก่อเกิดการตัดสินใจทำบางอย่างของข้าว
ความคิดที่จะเปลี่ยนบางอย่างเกิดขึ้นเธอตัดสินใจจะเดินทางไปเมืองนอกเพื่อหลีกหนีปัญหานี้อยู่แล้ว
ผ่านการตัดสินใจแบบลับๆของเธอ
แต่ก่อนการเดินทางครั้งนี้ได้นำพาเธอสู่การนัดพบ และการพูด"ขอโทษ"
ด้วยความสำนึกผิดมากมายที่ปิดซ้อนเอาไว้ระหว่างที่คบกับชายหนุ่ม ทั้งหมดที่ผ่านมา
ทุกอย่างดำเนินไป แต่สิ่งที่ได้มาคือคำถามสั้นๆ
"มันจะเปลี่ยนคุณได้จริงเหรอ"
ตามมาด้วยความเงียบจนถึงวันเดินทาง
.
เขาคนนั้นไม่ได้มาส่งเธอในวันนี้
เนื่องจากติดงานสำคัญของบริษัทก่อสร้างและจัดสรรที่ดินแห่งใหญ่ที่เขาทำงานอยู่
มีแต่การโอบกอดของคนในครอบครัวและคำพูดให้กำลังใจ
ซึ่งที่เป็นกำลังใจได้ดีที่สุดคงเป็นของพี่ชายที่ไม่ได้มาส่งเธอที่สนามบินในวันนี้
แต่เป็นคำพูดในตอนเช้ามืดก่อนมาขึ้นเครื่องว่า
"ไม่เป็นไรสิ่งที่เราอยากทำ และสิ่งที่ควรทำเราทำทั้งหมดและดีที่สุดแล้ว อย่าคิดมาก"
.
.
คำพูด
บทเรียน
เรื่องราว
การงานในที่ใหม่
น้ำตาที่ยังคงสูญเสียให้กับช่วงเวลาอดีตของชีวิด
ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์
สลับกับความเศร้าที่เกิดจากความเอาแต่ใจของเธอ
การร้องไห้ที่ยังคงอยู่
อารมณ์เหม่อลอยที่ถูกสะกิดหลายครั้ง
ความเหนื่อยล้า
การนอนหลับสนิท
วันที่นอนไม่หลับ
สังคม
เพื่อน
คำปลอบ
คำด่า
รอยยิ้ม
เสียงหัวเราะ
.
เสียงเรียกของพนักงานสนามบินดังขึ้นพร้อมเสียงโทรศัพท์
การพูดคุยกับเพื่อน ซึ่งคือคนที่ทำให้เธอเปลี่ยนจังหวะการใช้ชีวิต
คำพูด ตารางนัดหมาย
และการตัดบทสนทนาเพื่อรีบทำตามคำแนะนำของพนักงานสนามบิน
ตอนนี้เธอนั่งผ่อนคลายอยู่บนเครื่องที่พร้อมจะเทคออฟ
นำพาเธอข้ามท้องนภาผืนเดิม
เธอปาดน้ำตาแห่งความปีติ และความคิดถึง
ที่เต็มไปด้วยมุมมองใหม่ของชีวิต
ข้ามฟ้านำเธอกลับบ้าน
ประสบการณ์มากมายที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดหนึ่งปีในต่างแดน
จะไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เลยหากเธอไม่เข้าใจ
คำคำนี้
"แม้ว่าเราจะเปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัวได้ แต่ใจเราไม่เปลี่ยน ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"